top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

Snow Patrol กลับมายืนที่เดิม ที่ๆ เคยคุ้นตา ที่ๆ ใจนั้นคอยเรียกหา

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร SUPERSWEET ฉบับเดือน มีนาคม/เมษายน 2006 ตอน Snow Patrol มาเล่นเมืองไทยครั้งแรกในเทศกาลดนตรี 100 Rock Festival (18-19 กุมภาพันธ์ 2006)

 

สัมภาษณ์ Snow Patrol เป็นอะไรที่สบายมากเพราะนักร้องนำ (แกรี่ ไลท์บอดี้) เป็นคนช่างเจรจา คำถามสั้นจุ๊ดจู๋ เธอก็สามารถตอบได้เป็นวรรคเป็นเวร (แกะเทปกันอ้วกเลย) ส่วนสมาชิกวงที่เหลือก็มีสปิริตดี เพราะแม้จะไม่พูดอะไรเลย ก็อุตสาห์มานั่งให้พร้อมหน้าพร้อมตา


การแสดงของพวกเขาเป็นอีกโชว์ที่ถูกใจแฟนๆ ชาวไทยเป็นที่สุด แน่นอนว่าช่วงพีคของโชว์คือตอนที่วงเล่นเพลง Run มีเรื่องประทับใจเกิดขึ้นระหว่างเพลงนี้ คือตอนที่เราเหลือบไปเห็นน้องๆ ผู้หญิงวัยมัธยมแถวๆ หน้าๆรีบควักเนื้อเพลงนี้ขึ้นมาร้องตามทันทีที่อินโทร ของเพลงนี้ขึ้น เป็นภาพที่น่ารักมากๆ ทำให้นึกถึงสมัยอายุ 15-16 เฮ้อ…วันเวลาช่าง “วิ่ง” ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน

เห็นว่าคุณมาเมืองไทยเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วตอนเป็นนักเรียนไม่เคยมาเที่ยวเลยเหรอ แบบว่าเที่ยวแบบแบ็คแพ็ก แกรี่ ไลท์บอดี้: ไม่เลยครับ ผมไม่ใช่นักท่องเที่ยวประเภทนั้นและอีกอย่าง ตอนเรียนเราไม่ค่อยมีเงินไปเที่ยวไหนกันหรอกครับก่อนหน้าที่จะมาอยู่ในวง ผมไม่เคยมีประสบการณ์ท่องโลกหรอกครับ เพราะตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยมีตังค์ แต่ก็มีเพื่อนเราที่เคยมาแล้วก็มักจะมีเรื่องดีๆ เกี่ยวกับเมืองไทยมาเล่าเสมอ เขาบอกว่าผู้คนที่นี่น่ารักแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คนไทยสุภาพกันมาก นี่เป็นสิ่งที่เราชอบ เพราะพวกเราก็เป็นคนสุภาพเหมือนกัน


ที่ไอร์แลนด์คนเข้าผับกินเบียร์กันตั้งแต่หัววันจริงหรือ ใช่แล้วครับ ตั้งแต่เก้าโมงเช้าเลยล่ะ กินเบียร์กับคอร์นเฟลกมื้อโปรดเราเลย yeah!


ได้ยินว่าคุณไปทัวร์กับ U2 มา ครับ แต่ไม่ได้ทำงานด้วยกัน เราได้ประสบการณ์โดยตรงจากการที่ได้เห็นว่าวงร็อกที่แท้จริงเค้าทำงานกันยังไงมาเยอะมาก โชว์ของพวกเขาคือโชว์ที่มีรายละเอียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ร็อคก็ว่าได้ มีคนทำงานให้พวกเขาเยอะแยะมาก ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง ผมไม่รู้ว่าพวกเขาทำกันออกมาได้ยังไง พวกเขาคือวงที่น่าดูที่สุดแล้ว เราได้เล่นกับพวกเขาและได้บทเรียนมามากมาย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทางเทคนิคแต่ในเรื่องของการแสดงด้วย พวกเขาคือหนึ่งในวงร็อคคที่เจ๋งที่สุดในโลกแล้ว และพวกเขาก็สามารถสื่อสารกับคนดูทุกคนได้ มีไม่กี่วงหรอกครับที่ทำได้ขนาดนี้


ดูเหมือนคุณจะกลายเป็นวงไอร์แลนด์ที่ไปประสบความสำเร็จในอเมริกาอีกหนึ่งวง ได้เรียนรู้เรื่องการสร้างความสำเร็จกับ U2 มาเยอะมั้ยครับ U2 ช่วงเริ่มแรกพวกเขาตั้งต้นกันในอเมริกา อัลบั้มแรกๆ พวกเขาย้ายไปอยู่ที่นั่นถึงสามปีและทัวร์กันไม่หยุด ทำอยู่แค่ในอเมริกาเท่านั้น สำหรับอเมริกาคุณต้องให้เวลากับมันมากๆ เพราะเป็นประเทศที่ใหญ่มากและ วงอเมริกันก็มีมากมายเหลือเกินจนสามารถที่กลืนเราหายไปได้ง่ายๆ ถ้าไม่อยากโดนเอาคืนก็ต้องปักหลักอยู่ที่นั่นซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราทำ เราไปทัวร์กัน 5 ครั้งใน 2-3 ปีที่ผ่านมาและ 3 ครั้งในปีนี้


แล้วอัลบั้มใหม่จะออกเมื่อไหร่ครับ เดือนมิถุนายนครับ คิดว่าจะวางแผนในอังกฤษและอเมริกาก่อนแล้วที่อื่นๆ ค่อยตามมา

แล้วเพลงจากอัลบั้มก่อน Final Straw ล่ะ (Song For Polor Bear ปี 1998 When lt’s All Over We Have To Clear Up ปี 2001) คงไม่มีใครมีอัลบั้มเก่าๆ ของเรากันมั้งครับ ผมว่าคงไม่มีใครในโลกนี่มีอัลบั้มเก่าๆ ของเรากันหรอก แล้วเรื่องแย่ก็คือเวลาเล่นเพลงพวกนั้นทีไร 99% ของคนดูก็จะ….(ทำท่าเช็ง) เฮ้อ…. แล้วก็จะได้แต่ยืนนิ่งๆ มองเราเล่นกัน จนเมื่อเราเล่นเพลงที่คนดูรู้จักนั่นแหละ เขาถึงจะ–เย้!!!


แล้วทำอย่างไรกับอัลบั้มเก่าๆ ครับ ผมก็เอามารองนอนเป็นเตียงเสียเยอะนะ แล้วผมก็มีบ้านหลังนึงที่สร้างจากซีดี (อัลบั้มเก่า) ส่วนแม่ผมด้วยความที่ไม่อยากให้ลูกชายขายหน้า ก็เลยชื้อซีดีมาเก็บไว้ในโรงรถทั้งโรงเลยครับ พูดเล่นนะครับ จริงๆ แล้วเรากำลังจะเอาออกมาวางแผงใหม่อีกรอบ ตอนนี้เริ่มที่อังกฤษและอเมริกาแล้ว และหวังว่าเอเชียจะได้ตามมาในเร็วๆ นี้ ชุดแรกเราออกมาได้แปดปีแล้วแต่เพิ่งจะขายได้ถึงสองแสนเมื่อไม่นานนี้เองครับ


คุณมีคำแนะนำอะไรให้นักดนตรีที่ทำเพลงมาเป็นปีแล้วยังไม่ไปถึงไหนมั้ยครับ คุณจะต้องมีความอดทนอดกลั้นเพิ่มอีก 10 เท่ารวมทั้งยังต้องมีความเชื่อมากในตนเองให้มากด้วย ตลอดเวลา 10 ปีที่เราดิ้นรนกันเราไม่เคยรู้สึกท้อแท้กันสักนาทีเดียว แล้วมันก็เกิดขึ้น แต่มันก็ไม่มีอะไรการันตีว่ามันจะไม่เกิดขึ้น บางทีคุณก็ต้องมีดวงเหมือนกัน พวกเราโชคดีหน่อยที่ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่หลังจากที่ 2 อัลบั้มแรกที่เราทำกับค่ายอินดี้ไม่ประสบความสำเร็จ เรื่องอย่างนี้เกิดไม่บ่อยนัก ถ้าคุณความเชื่อมั่นในตัวเองก็ไม่ควรเลิก เราเคยพูดว่าถ้าถึงตอนนี้เรายังไม่ได้เซ็นกับ Polydor หรือ Universal เราอาจจะตายกันไปแล้วก็ได้ เราคงไม่มีอะไรกินหรือไม่ก็ตายเพราะขาดสารอาหารไปแล้วแน่ๆ


อัลบั้มใหม่จะออกมาประมาณไหนครับ โดยทั่วไปเรายังไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของซาวด์สักเท่าไหร่ มันยังคงประกอบด้วยความเรียบง่ายและเป็นเพลงที่มีเมโลดี้อยู่ โดยรวมคุณจะบอกได้ว่ามันยังคงมีความป๊อบเพียงแต่มันจะดีกว่าที่เคยเป็นใน Final Straw และหนักแน่นกว่า (เพลงในอัลบั้มใหม่) จะชัดเจนกว่าเดิม มันคืออัลบั้มที่เราอยากทำกันมานานแล้วเพียง แต่ว่าวัตถุดิบและความสามารถยังไม่พร้อม และกว่าจะเจอคนอย่างกาเร็ตท์ ลี (โปรดิวเซอร์) และกว่าจะมีเวลาทั้งปีในการเตรียมทำอัลบั้มใหม่ จริงๆ แล้วในส่วนของการบันทึกเสียงมันใช้เวลาแค่ 10 อาทิตย์เอง แต่เราไม่ได้อยู่นิ่งกันเลยเพราะต้องทัวร์ตลอดกับ U2 และกาเร็ตท์ก็เป็นคนช่วยให้ทุกอย่างออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ เพลงทุกเพลงเลยฟังเหมือนมันควรจะอยู่ในอัลบั้มนี้ได้ใสปิ๊ง


จะว่าไปแล้วเพลง Run ดังมากๆ และผมคิดว่าผู้คนคงคาดหวังอะไรแบบนั้นอีกแน่เลย ไม่หรอกครับ ผมว่านั่นมันเป็นเรื่องแค่พิเศษมากที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงชีวิตของทุกวง มันเข้าถึงหัวใจของทุกๆ คน และก็น่าจะมีเพลงอีกสองสามเพลงในอัลบั้มนี้ที่จะทำอย่างนั้นได้เหมือนกัน แต่มันจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้


คุณคิดอะไรตอนเขียนเพลง Run ความรู้สึกอึดอัดมั้งครับ เป็นเพลงที่โด่งดังฮิตที่สุดเท่าที่ผมเคยแต่งขึ้นจากความรู้สึกเดียวดายอ้างว้าง ซึ่งก็ประหลาดดีเพราะเพลงนี้กลายมาเป็นเพลงที่มีส่วนประกอบสารพัด ทั้งเครื่องดนตรีและการที่ผู้คนช่วยกันร้องได้ตามท่อนในท่อนคอรัส และไหนจะคนดูที่โบกชูไฟแช็กตามเพลงอีก (หัวเราะ) ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนเกิดจากห้องนอนของผม ตอนที่นั่งเกาะแกะอยู่กับกีตาร์และพยายามไม่ร้องไห้ ดังนั้นมันจึงเป็นได้ทั้งเพลงที่ให้ความหวังเมื่อคุณรู้สึกสิ้นหวังหรือเป็นเพลงที่เกี่ยวกับครอบครัว เมื่อคุณรู้สึกเหงา [ผมคิดว่า] สิ่งที่มีความหมายสำหรับคุณที่ทำให้คุณนึกถึงมัน ก็คือสิ่งที่จะมาเหนี่ยวรั้งคุณไว้ หรือสิ่งที่มาทวงคุณนั่นแหละครับ ที่มันช่วยเชื่อมต่อคนมากมายเข้าด้วยกัน เพราะมันคือใจความง่ายๆ


คนเรารู้สึกอ้างว้างตลอดเวลาและต้องการได้ยินอะไรที่ช่วยทำให้พวกเขาคลายเหงา และเมื่อคนหมื่นห้าในคอนเสิร์ตช่วยกันประสานเสียงร้องตามไปพร้อมกันมันจึงช่วยให้คุณรู้สึกว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ และเราก็รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของคนดูเมื่อเราได้เล่นเพลงนี้เช่นกัน เราไม่ได้รู้สึกว่าเราอยู่บนเวทีเลย อันนี้คือสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุขผูกพันกับคนดู ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องของเพลงอย่างเดียว เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเพลงไหนมันจะประสบความสำเร็จ แต่นั่นแหละที่ทำให้เราเป็นวงกันอยู่ถึงตอนนี้ เพราก่อนที่จะเป็นนักดนตรีเราคือแฟนเพลงมาก่อนและที่สำคัญที่สุดคือต้องเข้าถึงคนดูให้ได้


มีวงใหม่ใหม่วงไหนบ้างไหมที่คุณคิดว่าจะเป็น the next big thing ก็พูดยากนะแต่ผมต้องบอกว่า Arctic Monkeys พวกเขาเป็นวงระดับหนึ่งของอังกฤษในตอนนี้เลย พวกเขาเป็นวงที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมาเลยมั้ง พวกเขาสุดยอดจริงๆ แล้วก็ยังเด็กมากๆ ด้วย อายุแค่ 18-19 กันเอง และนี่แหละที่ทำให้มันน่าตลกสิ้นดี เพราะตอนผม 19 ผมเพลงที่ผมเขียนนี่ห่วยล้วนๆ เลยนะ ยิ่งกว่าห่วยซะอีก เรียกว่าเป็นโศกนาฏกรรมทางด้านภาษาเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการออกเลยล่ะ แต่อเล็กซ์ เทอร์เนอร์ นักร้องนำ [Arctic Monkeys] นั้นเป็นหนึ่งในคนที่แสดงออกได้ลึกซึ้งที่สุดแล้วล่ะถ้า ผมถ้าผมว่าทอม เวทส์ เกิดที่เมืองลิสด์เขาก็คงเป็นอย่างนี้ล่ะ


The Futureheads ก็อีกวงนึงพวกเขาทำเพลงการาจร็อคที่แตกต่างกว่าคนอื่นมากๆ อย่างเช่นมีการประสานเสียง 4 คน พวกเขาเหมือนวงป๊อบที่ทำเพลงร็อกกีตาร์เท่ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เวิร์กแต่กลับเวิร์ก ยิ่งการเล่นสดนี่ยิ่งทำให้เขาเป็นวงที่ดีที่สุดในโลกเลยนะ

 

วงการเพลงตอนนี้เต็มไปด้วยทางเลือกต่างๆ อย่างเมื่อ 5 ปีก่อนมองไปที่ไหนก็มีแต่วงป๊อบทำเพลงแด๊นซ์ แล้วจู่ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด ดนตรีมันก็วงเวียนอยู่อย่างนี้ถ้าเป็น 7 ปีที่แล้ว ตอนที่เพลงแด๊นซ์กำลังกำลังคิดฮิตถึงขีดสุด ไม่มีใครอยากจะจ้างวงอย่างเราหรอกมันเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะลำบากสำหรับพวกเรา และพวกสื่อต่างๆเขียนเหมือนกันหมดว่า ‘เพลงแบบวงๆ น่ะไม่มีอีกต่อไปแล้ว’ ซึ่งผมคิดว่าเพ้อเจ้อสิ้นดีแต่ ในขณะเดียวกันแอบคิดว่า ‘ชิบหายแล้วสิกู! หมดกัน’ แต่แล้วมันก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปมา อาจจะเป็นตอนที่ The Strokes ออกอัลบั้มแรก ที่ทำเอาอังกฤษฮือฮากันทั้งประเทศแล้วตอนนี้อ่ะเป็นไงล่ะ มีวงโน้นวงนี้เต็มไปหมด คงเหมือนอย่างที่ LCD Soundsystem ร้องมั้งครับ (เพลง Losing My Edge) ‘l’m selling my guitar and buying turntable! /l’m selling my turntables and buying a guitar ‘ นี่ล่ะครับ สะท้อนภาพวงการดนตรีอย่างแท้จริงเลย แต่มันก็ไม่ได้หยุดวงการร็อคเหมือนกับที่วงการแด๊นซ์จะมาหยุดวงการร็อกไว้ได้เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว

Arctic Monkeys

คุณจะบอกว่าคุณไม่ชอบเพลงแด๊นซ์ใช่มั้ย ? เปล๊า เราชอบเพลงแด๊นซ์กันจะตาย ก่อนจะเข้ามาอยู่ในวงผมก็เคยเป็นดีเจมากก่อนนะ


เล่นเพลงประมาณไหนครับ ? ก็พวกฮิปฮอป,เทคโน…อินดี้ร็อก แต่ตอนนี้มันปนกันไปหมดแล้ว คุณจะเล่นเพลงร็อคที่มีบีตแด๊นซ์ก็ยังได้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก



 

Snow Patrol จะมาเล่นเมืองไทยเป็นครั้งที่สองในวันอังคารที่ 27 สิงหาคม ที่ Moonstar Studio บัตรราคา 2,400 บาท จองได้ที่ https://www.ticketmelon.com/demetervery/snowpatrol

Comments


bottom of page