top of page
  • Black Facebook Icon
  • Instagram

Welcome to the world where truth doesn't hurt

คนเกาหลีรีวิวเบียร์เกาหลี

โดย พีรมณฑ์ ตุลวรรธนะ

 

พอถึงเกาหลีใต้ ฉันก็คุยกับนายจียง ปาร์ค ชวนเขาว่า ไปกินเบียร์กินอะไรกันมั้ย เขาก็ตกลง แต่ตอบพ่วงประโยคไปว่า “แต่ไม่เอาเบียร์เกาหลีนะ”


ต่อมสงสัยทำงานทันที “ทำไมไม่เอาเบียร์เกาหลีวะ?” จียงเลยตอบว่า “เบียร์เกาหลีรสชาติแย่มาก แย่แบบ แทบจะไม่ใช่เบียร์”


เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ เวลาเพื่อนบอก ‘คนนี้มันไม่ดีนะเว้ย อย่าไปคบมัน’ ก็ยิ่งอยากรู้ว่ามันเหี้ยยังไง คบมาก็กลับไปร้องไห้เสียใจ ‘กูเชื่อแล้วว่ามันไม่ดีจริงๆ’ กับเบียร์ก็เหมือนกัน มันจะแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? เลยท้าทายจียงว่า “เฮ้ย อยากกินเบียร์เกาหลีว่ะ เอามันมาทุกยี่ห้อเลย มันจะรสชาติแย่ขนาดไหนเชียว”

จียงทำหน้าเซ็งมาก ว่ากูต้องมายอมความสงสัยของอีนี่เหรอ แต่สุดท้ายก็เดินเข้ามินิมาร์ทกัน เราถือตะกร้า จียงเดินไปหยิบเบียร์มาโยนๆ ใส่ตะกร้า หยิบขนมขบเคี้ยวมาถุงนึง แล้วก็ไปเช็คบิล แน่นอน เราจ่าย เพราะจียงเซ็งมากที่จะต้องมารีวิวความ ‘กูเตือนมึงแล้วนะ’ ให้กะเหรี่ยงไทยผู้ไม่เคยลองเบียร์เกาหลี

“จะนั่งไหนดี” เราถามจียง เพราะดูสภาพรอบๆ แล้ว ไม่มีที่น่านั่งเลย “ก็นั่งมันหน้ามินิมาร์ทนี่แหละ ม้านั่งเนี่ย” จียงตอบ ที่ข้างร้านมีม้านั่งสองชุด มีคู่หนุ่มสาวชาวเกาหลีสองคนที่แต่งตัวเกาหลี๊เกาหลีนั่งอยู่ก่อนแล้ว  “แล้วร้านเขาจะให้เหรอ” “ให้ดิ คนเกาหลีปกติก็ซื้อเบียร์ ซื้อโซจูมานั่งหน้ามินิมาร์ทกันทั้งนั้นอะ” “เอ้า งั้นก็นั่งได้เรื่อยๆ เลยดิ” “ใช่ เกาหลีกินเหล้ากันหนักมาก เธอเล่าว่าบ้านเธอที่เมืองไทยร้านปิดตีสองใช่ป่ะ” “ใช่ แต่ช่วงนี้หลายๆ ร้านเที่ยงคืนก็ปิดแล้ว” “เออ เกาหลีมันกินกันถึงเช้า ตีสี่ตีห้ายังมีแท็กซี่วิ่งกันอยู่เลย รับพวกคนเมากลับบ้าน”

แต่ตอนเถียงๆ กันอยู่ก็มีตาลุงสองคนเดินมาเสียบที่ม้านั่งเราไป โอเค นั่งแม่งตรงฟุตบาทนี่แหละ ดูทรงคงไม่กินนานหรอก

เราซื้อเบียร์มาหกกระป๋อง ทั้งหมดเป็นเบียร์ที่ผลิตในเกาหลี จียงหยิบสองกระป๋องแรกมาแล้วเล่าว่า


“Cass กับ Hite เป็นสองยี่ห้อหลักๆ ทั้งสองยี่ห้อแย่ทั้งคู่ ไร้รสชาติเหี้ยๆ แล้วเราก็ไม่มีเหตุผลที่จะซื้อมันยกเว้นว่าเอามาผสมกับโซจู” “กินกับโซจูอะนะ?” ฉันถาม “ใช่ ไม่บ่อยหรอก คือมันแย่มากจนคนเกาหลีหาทางทำให้มันดื่มได้ มันไม่ได้หยีอะ แต่มันไม่มีรสชาติอะไรเลย”

“Cass เธอเอาก่อนเลย” จียงยื่นกระป๋องที่เพิ่งเปิดให้ “ก็ได้” ฉันรับมาซด “อือหือ เรียกนี่ว่าเบียร์ได้ไงวะ!” “บอกแล้ว” “มันไม่มีรสอะไรเลยอะ” “มันไม่มีอะไรเลย อย่างเดียวที่ทำให้รู้สึกว่านี่คือเบียร์คือสีกับฟอง” จียงหยิบเบียร์มาดื่มบ้าง “มันเหมือนชาเลย” “อืม ชาบาร์เลย์ซ่าๆ เอาจริง พี่ชายเราบอกว่า ชาข้าวยังมีรสชาติมากกว่านี้” ฉันจิบเบียร์อีกรอบ จืดมาก โคตรจืด จืดยิ่งกว่าเบียร์ที่น้ำแข็งละลายแล้ว “เขาบอกว่า นี่เป็นเบียร์เกาหลีคลาสสิคในสไตล์ลาเกอร์เบียร์ของอเมริกา” “แต่แย่กว่าเยอะเลยอะ” “ใช่ แย่กว่าเยอะ จืดกว่ามาก” จิบอีกรอบ “รู้สึกแย่ว่ะ” “ใช่มั้ย บอกแล้ว เราทำแบบนี้กันทำไมวะ” “แบบ เหมือนเวลาใครเตือนอะไรแล้วเราก็คิดว่า ‘เห้ย มันจะแย่ขนาดนั้นได้ไงวะ” “แต่มันก็แย่ขนาดนั้น” “แย่มาก”

จียงเปิดกระป๋องที่สองแล้วยื่นให้


“นี่ Hite เธอลองก่อน” ฉันจิบหนึ่งจิบ แล้วนิ่งไปนาน ไม่รู้ว่าตอนนั้นทำหน้ายังไง แต่คงแย่มากๆ เพราะจียงหัวเราะดังมาก “ก็…ก็ดีกว่า Cass นิ๊ดดดดดนึง มันเขียนว่า Extra Cold แต่เราไม่เห็นจะรู้สึกเย็นกว่าอันอื่นเลย นึกว่าจะคล้ายๆบุหรี่เย็น แต่เป็นเบียร์ ดื่มละเย็นๆ มิ้นท์ๆ นี่ไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์เลย” “ไม่ Extra Cold คือกระบวนการกลั่นมัน เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร” “แต่มันไม่เปลี่ยนอะไรเลยอะ” “มันกลางๆ อะ” “กินไอสองอันนี้กับโซจูเนี่ยนะ?” “ใช่ สัดส่วนเบียร์กับโซจู 2:1 เพื่อลดแอลกอฮอลในโซจู แล้วก็ให้รสซ่าๆ”

“คืองี้ เบียร์เกาหลีพัฒนามาจากลาเกอร์เบียร์อเมริกัน เพราะงั้นถ้าเธอชินกับเบียร์อเมริกัน เธอจะไม่รู้สึกแย่มาก แต่ถ้าเธอชินกับเบียร์ยุโรป ญี่ปุ่น หรือเบียร์จากประเทศแถบอาเซียน อย่างสิงห์ หรือช้าง เธอจะไม่ชอบเบียร์เกาหลีเลย เพราะเบียร์แถบอาเซียนพัฒนามาจากโรงกลั่นของพวกเยอรมันหรือฝั่งยุโรปที่ใช้มอลท์กับข้าวสาลีคุณภาพดี มีขั้นตอนการผลิตที่ดี” จียงอธิบาย “แล้วเขาไม่ใช้ของดีๆ ที่นี่เหรอ?” “ใช้น้อยมาก” “อืม ก็พอดูได้จากความจืด” “คนเกาหลีค่อนข้างใช้ของถูก แต่เราทำอุตสาหกรรมเก่ง เราทำให้อะไรหลายๆ อย่างให้ดูอุตสาหกรรม ผลิตเยอะๆ ได้ดี ดูอย่างอาหารดิ อาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟในถ้วยไม้เคลือบ ใช้ตะเกียบไผ่ ทำให้รู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ แต่ฝั่งเกาหลีคือ เราเสิร์ฟข้าวด้วยการโยนถ้วยเหล็กๆ กลมๆ ใส่คุณ ตะเกียบก็เป็นตะเกียบเหล็กๆ เย็นๆ” “อืม เอาจริงมาเดินเกาหลีนี่รู้สึกว่าหลายๆ อย่างมัน mass produce มากเลย”

ฉันยื่นเบียร์ Hite ให้จียง จียงจิบหนึ่งจิบ ส่ายหน้า แล้วก็หยิบอีกกระป๋องนึงขึ้นมา

“Max เป็นยี่ห้อใหญ่เหมือนกัน แต่ไม่ใหญ่เท่าสองยี่ห้อแรก” “แล้วดีป่ะ?” “ลองดูดิ” จียงยื่นให้ตามเดิม ฉันหยิบมาดมๆ “กลิ่นเหมือนอะไร?” จียงถามยิ้มๆ “เยี่ยว” จียงหัวเราะ “อือ ทุกคนก็บอกว่างั้น” ฉันกระดกหนึ่งอึก เป็นอึกที่รู้สึกว่า กูไม่น่ากระดกเยอะขนาดนี้เลย “กลิ่นเหมือนเยี่ยว รสชาติเหมือนเยี่ยวเจือจาง”

จียงหัวเราะดังลั่น

“คือ เราไม่เคยดื่มน้ำเยี่ยว แต่คิดว่า ถ้าเกาหลีเหนือคิดจะทำลายชาติเกาหลีใต้ด้วยเครื่องดื่ม มันคงเป็นไอ้นี่” “เพื่อนเราบอก เยี่ยวคิมจองอุนน่าจะรสชาติเหมือน Max” “มันแย่มาก จะร้องไห้” “เพื่อนชาวญี่ปุ่นคนนึง มันเคยมาที่นี่แล้วมีบุฟเฟ่ต์เบียร์ Max ไม่อั้น เราก็เตือนมันว่า อย่าสั่งนะ แต่ก็เหมือนเธออะแหละ อีกอย่างบุฟเฟ่ต์เบียร์ไม่อั้น ใครๆ ก็อยากกิน” “แล้วเป็นไง” “มันร้องว่าอยากกลับบ้านไปกินเบียร์ญี่ปุ่น” ฉันยื่นเบียร์คืนให้จียง “กินหน่อยเหอะ เราไม่อยากรู้สึกแย่อยู่คนเดียว”

“เออแล้วเกาหลีใต้รู้สึกยังไงบ้างกับข่าวเกาหลีเหนือ” เราถามเพราะเปิดดูเฟสช่วงนั้นก็มีแต่ข่าวเกาหลีเหนือๆ “ก็ปกติ มันเป็นแบบนี้มานานแล้ว” “เห้ย ไม่ตกใจหน่อยเลยเหรอวะ เอาจริงนี่เรากลัวนะ” “มันเป็นแบบนี้มา 60 กว่าปีแล้ว กลัวอเมริกายังจะดีซะกว่า มีประธานาธิบดีบ้าเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์” “เอาจริงนี่ไม่กลัวเลยเหรอ” “ไม่นะ คือ สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ทางอเมริกากดดันให้มีจรวดมิสไซล์ หรือจรวดนิวเคลียร์ แต่ถ้ามีก็มีปัญหากับจีน เกาหลีใต้เหมือนเป็นจุดที่ทำอะไรไม่ได้เลย เหมือนประเทศตัวประกันชัดๆ ก็ทนๆ กันไป”

หยิบเบียร์ขึ้นมากระดกอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่ารสที่กินไปตอนแรกมันแย่จริงๆ ไม่ได้คิดไปเอง “นี่เราทำอะไรแบบนี้ไปทำไมวะ” คิดผิดมากๆ

จียงถอนหายใจ แล้วหยิบขนมหมึกเส้นมากิน เราหยิบขนมปลาหมึกเส้นมาเคี้ยวๆ ให้ลืมรสชาติเบียร์ Max

“เออ แล้วคนเกาหลียังกินหมาอยู่ป่ะ เหมือนไม่ค่อยมีแล้วนะ” “ก็ยังมีอยู่ แต่น้อยมาก คือคนเกาหลีรู้สึกว่าเนื้อหมาเป็นเนื้อที่ไม่ปลอดภัย ไม่ะอาด” “ไม่สะอาด?” “คือ พวกเนื้อหมู เนื้อวัวงี้ เรารู้ว่าพวกมันกินอะไร อยู่ในฟาร์มแบบไหน มีการควบคุมดูแลที่ดี มีการควบคุมที่ดี มีการฆ่าชงฆ่าเชื้อสะอาดสะอ้าน ใช่มะ แต่เนื้อหมาเราไม่รู้เลยว่าพวกมันอยู่กันยังไง” “ระบบมันตลาดมืดขนาดนั้นเลยเหรอ?” “ก็ประมาณนึง ถ้าในต่างจังหวัดมากๆ ก็ยังพอมีคนกินอยู่ คนเกาหลีในเมืองเลยไม่มีใครกินเนื้อหมากันแล้ว ส่วนนึงก็มาจากบริษัทอาหารใหญ่ๆ ที่เข้ามาควบคุมธุรกิตอาหารด้วยแหละ ผู้ค้าเนื้อหมารายย่อยๆ เลยค่อยๆ ตายไป”

 

พอลืมรสชาติเบียร์ได้แล้ว เราก็พร้อมมาผจญเบียร์เกาหลียี่ห้อต่อมา

“Filite อันนี้เป็นเบียร์ใหม่ โฆษณาหนักมาก” “เออใช่ ตอนเดินออกจากห้างมาก็เจอเขาโฆษณาน้องช้าง” มาสคอตของ Filight เป็นช้างตัวน้อยหน้าตาเหมือนดัมโบ้ “ไม่เคยกินเหมือนกัน แต่มันถูกสัสๆ แบบ 12 กระป๋อง หมื่นวอนเอง” “เออ ตอนซื้อมานี่ก็ถูกมาก เบียร์ยี่ห้ออื่น 2,000 วอน อันนี้กระป๋องใหญ่ 1,600 วอนเอง” ก๊อก ปิ๊ซซซซ จียงเปิดกระป๋องขึ้นมาดมๆ “มันมีกลิ่นฮอปส์เยอะดี หอมๆ หวานๆ เหมือนดอกไม้ เราว่ามันน่าจะพยายามทำให้เหมือนKronenbourg” จียงกระดกหนึ่งอึก “โห เปรี้ยวว่ะ” แล้วก็ยื่นให้ ฉันกระดกหนึ่งอึก “เห้ย อันนี้ไม่ได้แย่หนิ หอมอยู่ แต่ยังจืดๆ อยู่ดี” “อืม มันไม่แย่เลย แต่เราไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้” “อันนี้พอกินได้นะ เราว่าเราพอรับได้”

“เออ สงสัยมานานแล้ว ซัมซุงบ้านเธอนี่ใหญ่ขนาดไหน?” “ใหญ่ขนาดซื้อทั้งประเทศได้” “มันทำอะไรบ้าง” “ทุกอย่างเลย” “ไหนลองไล่มาดิ๊” “ก็พวกสินค้าอิเล็คทรอนิค เครื่องใช้ไฟฟ้า บ้าน อสังหาริมทรัพย์ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง พวกอุตสาหกรรมนี้ทำหมด แล้วก็เรื่อยไปถึง ประกัน ธนาคาร รถ น้ำมัน ไฟฟ้าสำหรับบ้าน เดี๋ยวนี้ก็เริ่มมี อาหาร เสื้อผ้า อุตสาหกรรมอาหารแล้ว” “ยิ่งกว่าบริษัทนึงในประเทศไทยอีกอะ” “พวกอุตสาหกรรมดนตรี วงการดนตรี สื่อก็อยู่ในอาณาจักรซัมซุง ขนาดศิลปะแม่งยังทำเลย พวกแกลเลอรี่ต่างๆ อย่าง พิพิธภัณฑ์ Leeum ก็ทำ“ “โห อันนั้นอะนะ ที่มีงานของ Anish Kapoor อะนะ” “ใช่ อันนั้นก็ของซัมซุง”

 

จียงวางกระป๋อง Filight และหยิบอีกกระป๋องขึ้นมาจากในถุง

“Kloud อันนี้โอเค บางคนบอกรสชาติเหมือนเบียร์ซิงเทา Kloud ใช้มอลท์มากกว่ายี่ห้ออื่น” “งั้นมันก็เข้มข้นกว่า” “ใช่ เบียร์หลายๆ ยี่ห้อของเกาหลีใช้มอลท์น้อยมาก คือถ้าเอาเบียร์เกาหลีไปญี่ปุ่น ทางกฎหมายแล้วมันจะไม่นับว่าเป็นเบียร์ เพราะใช้มอลท์ไม่ถึงเกณฑ์” “เชี่ย นี่มันยังเรียกตัวเองเป็นเบียร์ในตลาดสากลไม่ได้เลย” “Kloud เป็นความพยายามอย่างนึงของบริษัทใหญ่ๆ ที่จะบรรเทาสถานการณ์ตลาดเบียร์เกาหลีที่โดนครอบงำโดยของโง่ๆ และคนเกาหลีที่เริ่มหันไปดื่มเบียร์นอก เพราะคนนำเข้าเบียร์นอกเยอะขึ้นๆ แล้วคนเกาหลีก็เริ่มรู้แล้วว่าเบียร์เกาหลีมันรสชาติแย่แค่ไหน” จียงเปิดกระป๋อง “อ่ะ เธอลอง อันนี้น่าจะมีรสชาติเบียร์ที่สุดแล้ว” ฉันหยิบมาจิบ กลัวว่าจียงมันจะหลอกเราเหมือนเบียร์ Max “นี่แหละเบียร์ รสชาติมันต้องแบบนี้”  “ใช่ นี่คือเบียร์จริงๆ” “ที่กินมาทั้งหมด อันนี้เป็นเบียร์สุดแล้ว” “เทียบกับอันอื่น ใช่”

“ถ้าเทียบกับ Filite อันนี้รสชาติเป็นเบียร์กว่า Filite นะ เหมือนว่า Filiteเป็นเบียร์ที่เด็กม.ต้นซื้อกินเพราะถูกแล้วก็ไม่อยากเสี่ยงมาก” “อืม Filite ใส่โน่นนี่นอกจากมอลท์จนมันห่างไกลคำว่าเบียร์ไปเลย เขาใส่อะไรก็ไม่รู้ที่เป็นอโรม่า แต่มันก็ยังไม่มีรสเบียร์” จียงหยิบกระป๋อง Filight ขึ้นมาอ่าน “ส่วนผสมประกอบด้วย แป้ง starch, ข้าวบาร์ลี่ย์, มอลท์, ฮอปส์ แล้วก็วิตามิน ซี” “หะ? วิตามินซี?”


“The Booth IPA อันนี้เป็น IPA ที่ผลิตในเกาหลี เป็นอีกเทรนด์ที่มีคนพยายามผลิตเบียร์ที่ดีกว่าเบียร์ในตลาดหลัก แต่ไม่ได้มาจากบริษัทใหญ่ๆ ตอนนี้ Craft Beer เกาหลีเยอะมาก มีคนหมักเบียร์เองเยอะมาก ตอนนี้เราก็เลยมี IPA แล้ว” “แต่เราชอบกราฟิคนะ น่ารักดี แล้วอร่อยป่ะ” “ไม่เคยลองเหมือนกัน แต่น่าจะดีกว่าอันอื่น” “น่าจะดีแหละ อันนี้แพงสุดเลย” “เหรอ?” “กระป๋องละ 6,000 วอนอะ กระป๋องอื่น 2,000 วอนเอง อ่ะ เธอลองบ้าง” จียงกระดกหนึ่งอึก “อืม กลิ่นเปรี้ยวๆ ซิตรัสๆ” จียงยื่นกระป๋องมาให้เรา เรากระดกบ้าง “อืม ก็คราฟท์เบียร์” “มัน IPA มากเลย แต่เราไม่ชอบ IPA มันมีรสชาติโน่นนี่เยอะไปหมดเลย เหมือน IPA ธรรมดา แต่เร่งสเตียรอยด์ให้มัน” จียงยื่นกระป๋องมาคืน “เราว่ามันก็โอเคนะ เก็บไว้กินต่อดีกว่า แพง"

จียงหยิบปลาหมึกขึ้นมาเคี้ยว

“หลังๆ นี้มี craft beer กับพวกคนหมักเบียร์ส่วนตัวโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมดเลย เหมือนเป็นการประท้วงบริษัทเบียร์ใหญ่ๆ ที่ทำเบียร์ห่วยๆ ออกมา” “หมักเบียร์เองที่นี่ถูกกฎหมายป่ะ” “ถูกนะ ถ้าเราไปจดทะเบียน แต่ก็ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย นั่นนี่ แต่ก็มีนักสะสมเบียร์ที่มาขอจดทะเบียนให้เบียร์นอกกระแส ก็หวังว่ามันจะทำให้มาตรฐานเบียร์ดีขึ้นบ้าง” “แล้วปกติคนเกาหลีกินเบียร์อะไร” “ก็เบียร์เกาหลีอะแหละ” “เอ้า ทำไมล่ะ” “เพราะมันถูกกว่าเบียร์นอก อีกอย่างคือถ้าไปกินเบียร์ที่ร้านเนื้อย่างหรือร้านเกาหลีทั่วไป ส่วนใหญ่ก็จะมีเบียร์แค่สองยี่ห้อ แล้วทั้งสองยี่ห้อก็เป็นเบียร์เกาหลี” “เออ อยากกินเนื้อย่างว่ะ แต่อาหารเกาหลีชอบให้เครื่องเคียงเยอะ กินไม่หมด ทำไมเขาให้เครื่องเคียงเยอะจัง” “มันเป็นเหมือนเครื่องแสดงสถานะ น้อยสุดก็จะมีสามอย่าง ห้า, เจ็ด, เก้า แล้วก็สิบสอง สิบสองจะเป็นของกษัตริย์ แปลว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีคนกินสิบสองอย่างแล้ว” “เคยกินมากสุดกี่อย่าง” “ห้าอย่างก็อิ่มจะแย่แล้วเธอ” “นั่นดิ ที่ไทยแค่กับข้าวก็อิ่มแล้ว” “รู้มั้ย ตอนฉันไปกรุงเทพฯ แล้วเห็นเธอเอาน้ำแข็งใส่เบียร์ฉันตกใจมากเลย” “ก็มันร้อน” “คือไม่ใช่แค่ประเทศอื่นๆ เขาไม่ทำกันนะ แต่ถ้าเอาน้ำแข็งใส่เบียร์ที่นี่มันจะไม่เหลือรสชาติอะไรเลยไง” “แล้วเอาไงต่อ จะกินให้หมดนี่เลยเหรอ” “เอาแค่ Kungmin ให้หมดก็พอ เสียดายเงิน” “แล้วจะทำไงกับเบียร์ที่เหลือ” “ทิ้งแถวนี้ไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้ อาหารเหลือที่นี่ถือว่าเป็นภาษี” “หมายความว่าไง” “ก็ ถ้าเราเอาไปทิ้งที่ร้านนั้น ก็จะถือเป็นภาษีอาหารเหลือของร้านนั้น มันก็ไม่ค่อยดีสำหรับเขาใช่มั้ยล่ะ” “งั้นเอาไงดี” “เอากลับโรงแรมไปเททิ้งในส้วมก็ได้” “แม่บ้านเขาจะด่าเราป่ะ” “ไม่หรอกมั้ง”


Comments


bottom of page