โอ้ว..มันช่างล้อนแลงเหลือเกิน นิทรรศการ Thailand Casino โดยศิลปินกราฟฟิตี้ Headache Stencil ที่เมื่อปีที่แล้วเขาเป็นข่าวใหญ่โตตอนพ่นรูปนาฬิกาบิ๊กป้อมแล้วต่อด้วยเสือดำ คราวนี้นิทรรศการที่ WTF Gallery เขายังคงวิจารณ์นักการเมืองแบบไม่กิฟอะฟัค
นิทรรศการ Casino Thailand ว่าด้วยการเล่นพนันของเหล่านักการเมืองที่เอาประเทศไทยเป็นเดิมพัน ใช้พื้นที่แกลเลอรี่เต็มพื้นที่ ผนังถูกพ่นรถถังแมลงวันยุ่บยั่บ มันเป็นนิทรรศการที่ดูไปแล้วก็กลับกลับมาดูได้อีก เพราะศิลปินเขาบอกว่ากลับมาเติมงานเรื่อยๆ ยิ่งช่วงนี้ที่ผลเลือกตั้งกำลังจะออกแล้ว เขาคงมีเรื่องมาเติมอีกจนกว่านิทรรศการจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม
สัมภาษณ์โดย โน้ต พงษ์สรวง @dudesweetworld ภาพ: WTF Gallery and Cafe @wtfbangkok
เวลาที่ดีที่สุดในการออกไปพ่นคือกี่โมงครับ บ่าย 3
อ้าว เรานึกว่าตอนกลางคืน ทำกลางวันนี่ล่ะครับ เพราะทำตอนกลางวันคนที่เดินคนผ่านไปผ่านมาเขาก็จะนึกว่ามาทำงานเฉยๆ มาทาสีผนัง คนจะไม่คิดว่าเราพ่นกราฟฟิตี้ แล้วผมทำ stencil (การเจาะบล็อคกระดาษในการพ่น) อุปกรณ์มันจะเยอะ พอเราใส่ชุดหมี ม้วนกระดาษ แบกลังสีไปนี่ไม่มีใครคิดหรอกว่าเราเป็นคนทำกราฟฟิตี้ ทำกลางวันเซฟกว่านะพี่ ถ้ากลางคืนสมมติว่าคนเห็นเราทำอะไรอยู่ไม่รู้มันก็จะดูน่าสงสัยไง
ไหนลองเล่าบรรยากาศตอนที่ไปพ่นอันที่เป็นนาฬิกาหน้าบิ๊กป้อมตรงสะพานลอย ตรงนั้นมันอยู่ใกล้ๆ บ้านก็เลยจะง่าย แต่อันนาฬิกานั่นพ่นตอนกลางคืนครับ แต่ที่ออกไปพ่นกลางคืนไม่ใช่เพราะอยากพ่นกลางคืนนะ แต่ผมเพิ่งแกะบล็อกเสร็จตอนนั้น คือส่วนใหญ่ผมแกะบล็อกเสร็จตอนไหนผมก็จะไปพ่นตอนนั้นแหละ มันได้ฟีลกว่า
ก็แปลกดีเหมือนกันนะ เข้าใจมาตลอดว่าพวกนักพ่นเขาต้องลักลอบ ไม่รู้เหมือนกัน แต่พ่นกลางวันก็ไม่มีคนมายุ่งนะ แล้วก็ถ้ายิ่งเราไปพ่นตรงที่มีคนพ่นอยู่แล้วมันไม่มีใครสนอยู่แล้ว แต่จริงๆ งานผมกว่าจะถูกแชร์ต่อๆ กันมันก็หลังจากที่พ่นเสร็จไปนานแล้วล่ะ
แต่อย่างตอนบิ๊กป้อมมันก็เป็นข่าวทันทีนี่ บิ๊กป้อมนั่นเพราะว่ามันมีฝรั่งที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้นเขาเป็นนักข่าวแล้วเขามาถ่ายไป แล้วคราวนี้มันก็ไปลงสื่อนอกก่อน แล้วฝั่งนักข่าวไทยพอเห็นก็เลยตามหากัน
ตอนนี้คุณยังโดนตามล่าอยู่หรือเปล่า ถ้าตามก็ไม่รู้ครับ แต่เท่าที่เห็นก็ไม่มีมายุ่งวุ่นวาย ผมว่าน่าเขาน่าจะไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเลือกตั้งกันหมดแล้ว
คิดว่ายังไงลุงตู่ก็ได้หรือเปล่า ตั้งแต่เขาประกาศว่าจะมีให้เลือกตั้ง ในมุมผม ผมรู้สึกว่าเขามั่นใจว่าเขาจะชนะเขาถึงให้เลือกตั้ง ซึ่งสิ่งที่เขาทำอยู่ก็ครบเลย
รู้สึกท้อแท้กับการเมืองไหม ไม่นะ มันสนุกขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าสำหรับผม ถ้าลุงตู่อยู่ต่อนี่ ลุงตู่จะอยู่ต่อโดยไม่มี ม.44 แล้วนะ คราวนี้ด่ากันมันปากเลยนะพี่ มันก็จะไม่มีมาออกแอ็คชั่นแบบเดิมได้
เรากลับคิดว่าเขาอาจจะคิดอย่างอื่นโผล่ใช้แทนกันได้ หรืออาจจะเก็บเอาไว้ก็ได้หรือเปล่าวะ ก็เป็นรัฐบาลแล้วนี่ คราวนี้อยากทำอะไรก็ได้เลย สำหรับผมมันไม่ได้แย่ที่เขาอยู่ต่อนะ แต่มันแย่ที่เขาอยู่ต่อโดยที่มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่จะทำให้เขาหรือคนของเขาสามารถอยู่ต่อเองไปได้อีกเรื่อยๆ ยกตัวอย่างเช่นอายุงาน ส.ว. ที่มันเหลื่อมไปจนถึงรัฐบาลสมัยต่อไปอีก หรือเรื่องกฎอะไรหลายๆ อย่างที่ทำขึ้นมาที่แปลกๆ แล้วที่โหดร้ายที่สุดคือไอ้ 20 ปียุทธศาสตร์ชาติ ซึ่ง โห… 20 ปีที่แล้วทีวีบ้านเรายังไม่มีรีโมทเลยอะพี่ แค่มีรีโมทมาเรายังตื่นเต้นกันฉิบหาย แล้วจากนั้นต่อมาแค่สิบกว่าปีแม่งก็มีอินเตอร์เน็ตแล้ว แต่นี่เรากำลังให้คนที่จะเกษียณอยู่แล้วมาออกแบบอะไรสำหรับอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งแม่งไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะยังมีรถวิ่งอยู่หรือเปล่าด้วยซ้ำ ซึ่งในมุมผม ผมว่าอันนี้แม่งเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดถ้าลุงอยู่ต่อ เพราะว่าถ้าลุงไม่ได้อยู่ต่อ ผมมั่นใจว่ารัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะพรรคอะไรทั้งสิ้น น่าจะหาทางทำอะไรสักอย่างกับไอ้ 20 ปีนี้ที่ตั้งกฎอะไรไว้ก็ตาม ที่บางครั้งเราอ่านแล้วเราก็รู้สึกว่า [กฏพวกนี้] มันทำขึ้นมาเหมือนเพื่อแค่ให้ตัวเองปลอดภัยจากสิ่งที่ตัวเองทำไว้อะไรแค่นั้นเอง
20 ปี แม่งนานมากเลยอ่ะ ใช่ จะตายห่าเอาก่อน
เห็นว่าพ่นมา 4 ปีแล้ว แต่มาเป็นเรื่องตอนรูปนาฬิกาบิ๊กป้อม ครั้งแรกที่งานเกิดปัญหาการเมืองแบบนี้เป็นอย่างไรครับ รอบแรกก็ระทึกขวัญอยู่นะพี่ เพราะว่าก็ตำรวจก็มาที่คอนโดกันเต็มไปหมดเลย
อ๋อ เขารู้ตัวคนทำด้วย? ไม่ครับ แต่งานนนั้นมันอยู่แถวบ้าน แล้วมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ตอนนั้นตำรวจเขาก็ตามกับพื้นที่เลยว่าใครเป็นคนทำ เขาก็เลยเข้ามาขอภาพกล้องวงจรปิดจากหน้าคอนโด แล้วเขาบังเอิญเจอตัว รปภ.คอนโด แล้วก็พอดีอีกที่เขากลับไปเช็คเฟซบุ๊คเพจของผม ซึ่งผมไม่เคยลงรูปหน้าตัวเองเลยนะ แต่ว่ามันมีวันนึงที่ยามคอนโดผมเขาจับงูหลามตัวเบ้อเร่อเลย ผมก็เลยถ่ายรูปยามจับงูหลามไปลงแล้วเสือกเป็นยามคนเดียวกับที่ประจำคอนโดวันที่ตำรวจมาพอดี ตำรวจก็เลยจำได้ว่า เฮ้ย เจอไอ้ยามคนนี้เมื่อตอนกลางวัน เขาก็เลยกลับมาล็อคยามไปสอบ สอบอยู่ 4 ชั่วโมงจนยามต้องยอมบอกว่าเป็นลูกบ้าน จากนั้นตำรวจเขาก็เลยกลับมาเฝ้าที่คอนโด
ตอนนั้นอยู่ไหน ตอนนั้นน่ะผมออกไปก่อนที่ตำรวจเข้ามาพอดี แต่ก่อนหน้านั้นก็บอกยามแล้วล่ะ ว่าถ้ามีอะไรแปลกๆ ที่ดูไม่ใช่นักข่าวให้โทรขึ้นมาบอก ซึ่งพอเป็นข่าวผมก็แพ็คของรอไว้อยู่แล้ว แล้วก็ขับรถออกจากกรุงเทพไปก่อนหน้าตำรวจจะมาค้น
แล้วตอนนี้ย้ายคอนโดหรือยังครับ ยังอยู่ครับ อยู่เพราะว่าเจ้าของคอนโดเขาก็เป็นผู้ใหญ่พอสมควร แล้วเขาไม่ได้เลือกฝ่ายใดหรือสนับสนุนใคร แต่ว่าเขามองเขาเป็นคนที่สนับสนุนงานศิลปะ เขาเป็น art collector แล้วเขาก็มองสิ่งที่ผมทำมาว่าจริงๆ มันคืออาร์ต มันไม่ควรจะก่อให้เกิดปัญหาขนาดนั้น อย่างในวันที่เกิดเหตุที่ตำรวจมา เจ้าของคอนโดก็รู้สึกว่าเฮ้ย ทำอย่างนี้ไม่ได้ ต้องมีหมาย มันเลยกลายเป็นเหตุที่ทำให้ตำรวจขึ้นไปห้องผมไม่ได้ ก็ต้องรออยู่ข้างล่างอย่างเดียว 3 วัน
เขาเอาข้อหาอะไรมาจับ ตอนแรกเขาแจ้งทางดอนโดว่าเป็น พรบ. คอม
โอ้โห แม่งเป็น พรบ. ที่ครอบจักรวาลสัด เขาเอา พรบ. คอมมา จะเอาให้ได้ แต่พอเราหนีแล้วพอเราตั้งหลักได้ปุ๊ป เรารู้สึกว่า เฮ้ย สิ่งทีเราทำมันไม่ได้หนักขนาดนั้นนะ ก็เลยโทรกลับมาหาเจ้าหน้าที่คอนโดให้ถ่ายรูปตำรวจทั้งหมดที่มาเฝ้า แล้วเราก็โพสต์ลงเพจเลย เพราะว่าจังหวะที่โพสลงเพจเป็นจังหวะที่ตอนนั้น ไก่อู (สรรเสริญ แก้วกำเนิด) เขาออกมาให้ข่าวว่าไม่ได้สั่งให้ส่งคนไปตาม พอผมเห็นข่าวนี้ปุ๊บ วินาทีนั้นผมก็ลงรูปเลย ถ้าไม่ได้ส่งมาแล้วคนพวกนี้เป็นใคร?
หรือว่าเขตเขาทำกันเองเอาใจนายวะ? จะเป็นอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ว่าเรื่องมันใหญ่ออกไป 3 วันแล้วอ่ะครับ แล้วมันมีข่าวทุกวันว่าตำรวจมา ถ้าเป็นพวกตำรวจท้องที่ทำเอาใจเฉยๆ ไอ้ข้างบนคงสั่งให้ถอยแล้ว มันจะออกมารูปแบบไหนก็ได้ แต่ทันทีที่ผมโพสต์รูป [ตำรวจมาเฝ้าที่ล็อบบี้คอนโด] ตำรวจเขาก็เปิดข้อเสนอเลย ว่าให้ลบรูปแลกกับการที่จะผิดแค่ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ
ให้เราลบ? ให้เราลบ เพราะเขาผิดไง ผิดเต็มๆ อยู่แล้วที่คุณมานอกเครื่องแบบกันเต็มเลย แล้วคุณมานอนเรื้อยอยู่ในล็อบบี้คอนโด ใช้ยามคอนโดไปซื้อเหล้าน่ะ
เขามานอนรอข้างล่างเลยเหรอ? นึกว่าแค่ส่งสายตรวจและมาทุกชั่วโมง มานอนเฝ้าเลยครับ 3 วัน 72 ชั่วโมง ผลัดเวรกันมานอนเฝ้าทีละ 3-4 คน นอนอยู่ที่โซฟาล็อบบี้ ใช้ยามไปซื้อเหล้ากันสนุกสนาน แต่พอเราเอารูปลงปุ๊ป เขาเอาออกจากพื้นที่เลย คือออกไปจากคอนโด ไม่มีมาเฝ้าอะไรเลย
ช่วงนั้นแถวบ้านมีเหตุการณ์ฉกชิงวิ่งราวอะไรบ้างไหมที่ตำรวจควรจะไปทำงาน คือไอ้กำแพงที่ผมพ่นน่ะมันคือสะพานลอย ซึ่งสะพานลอยแถวนั้นมันก็พ่นกันนรกแตกมาก แต่มีปัญหากับของผมอยู่อันเดียว ไอ้รอบนาฬิกาว่าแย่แล้วนะครับ แต่ไอ้รอบเสือดำนี่โหดกว่า แต่รอบเสือดำนี่มันหลังจากนาฬิกาไม่นาน ซึ่งเรามีประสบการณ์แล้วว่า โอเคเราไปทำที่สาธารณะแล้วโดนเล่น งั้นคราวนี้เราพ่นกำแพงที่มันไม่ใช่ที่สาธารณะแล้วกัน ก็ไปพ่นกำแพงของปั๊มร้าง แต่กลายเป็นว่าไอ้รูปนี้โดนลบเร็วกว่านาฬิกาอีก ผมก็เลยแบบ เอ๊ ตกลงปัญหามันคืออะไร
ไอ้เสือดำนี่เราก็ข้องใจนะ คืออย่างไอ้นาฬิกานี่ยังเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องนักการเมือง แต่เสือดำนี่คือมันเป็นเรื่องการฆ่าสัตว์ แล้วตำรวจไปเดือดร้อนทำไม แล้วลบแค่เสือดำด้วยนะ งานรอบๆไม่ลบสักอัน แล้วเขาลบแบบพ่นทับชุ่ยๆ พ่นแค่ไม่ให้มันมีอยู่ คือเหมือนคิดว่าเอาออกแล้วก็จะไม่มีประเด็น ซึ่งจริงๆ แล้วยิ่งไปลบมันก็ยิ่งไปเพิ่มกลายเป็นว่าหลังจากนั้นใครก็ทำรูปเสือดำ แล้วมันก็จบไม่ได้แล้วอะ อะไรอย่างนี้มันก็สนุกดี ก็ตลกดี
สิ่งพวกนี้เขาเรียกว่า soft power (อำนาจนุ่ม) เป็นการต่อสู้ด้วยศิลปะ คิดว่าทำไมพวกนักการเมืองถึงได้กลัว soft power ขนาดนี้ครับ ผมว่านักการเมืองเขาเป็นคนยุคเก่า เขาไม่ได้โตมากับการเล่นโซเชียลมีเดียเหมือนกับเราด้วย เขาเคยมองว่ามันเป็นของงี่เง่าด้วยซ้ำ เขาคงไม่ได้คิดหรอกว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นอุปกรณ์หลักในการสื่อสารในชีวิตประจำวันที่คนใช้กัน แล้วพอวันหนึ่งที่เขาไม่ทันผมว่าเขาคงหาวิธีสู้กับอะไรพวกนี้ไม่เป็นน่ะ แล้วพอเราไม่รู้จะสู้กับอะไรอันนี้อย่างไร เราก็ต้องกลัวไว้ก่อน ผมว่ามันน่าจะเป็นแนวนี้มากกว่า
ทุกครั้งที่มีการปฏิวัติเปลี่ยนการปกครอง ไม่ว่าจะรุ่นฮิตเลอร์ เหมา สตาลิน คนกลุ่มแรกๆ ที่โดนหิ้วคือพวกนักเขียน พวกศิลปิน เวลาคนถามผมว่าไม่กลัวเหรอ จริงๆ ลึกๆ คือกลัว ไม่ได้ไม่กลัวถ้ามันยิงเราตายไปเลย แบบนั้นมันโอเคนะพี่เพราะเราไม่รู้ตัว แต่ไอ้ที่เรากลัวคือโดนมันหิ้วไปทรมาน ไปนู่นนี่ ซึ่งเดี๋ยวนี้เราคุยกันเรื่องโดนอุ้มเหมือนเป็นเรื่องเล่นๆ ซึ่งก็น่าคิด ว่านี่พวกเราเคยชินกับการอยู่ในประเทศที่แม่งพูดกันเรื่องคนโดนอุ้มเป็นเรื่องปกติได้ยังไง? เช่นว่าเวลาเราพูดอะไรขึ้นล่อแหลมขึ้นมา แล้วเพื่อนบอกเดี๋ยวมึงก็โดนหิ้วหรอก มันกลายเป็นเรื่องพูดเล่น ทั้งที่ความจริงมันเซ้นสิทีฟมาก แล้วมันมีคนไทยเยอะมากที่ครอบครัวโดนหิ้วหายไปยังไม่เคยได้ทำงานศพเลยด้วยซ้ำ ผมว่าเราไม่ควรจะเคยชินกับอะไรที่แม่งไม่ทำให้ชีวิตเราปลอดภัยอะ
ตอนนี้เรียกได้ว่าทำงานเป็นศิลปินเต็มตัวมาสี่ปีแล้ว แล้วก่อนหน้านั้นทำงานอะไรครับ ก็ทำงานออฟฟิศธรรมดานี่แหละครับ แล้วก็ทำงานโปรดิวเซอร์ [กองถ่ายโฆษณา] ชีวิตก็อยู่ทั้งกับศิลปินและอยู่กับพวกแบรนด์สินค้า ซึ่งมันก็ทำให้เรารู้ว่าจะต้องใช้มีเดียอย่างไร รู้ว่าจะต้องทำอะไรอย่างไร พอวันหนึ่งเมื่อเราเป็นศิลปินขึ้นมา มันจะต้องจัดการให้งานเราไปในทิศทางไหน หรือว่าเราจะต้องขยับตัวอย่างไรให้ได้พื้นที่ข่าวถ้าเราต้องการ หรือเราจะต้องทำอย่างไรให้คนไปในทิศทางนี้ผมว่าด้วยความที่โชคดีที่เราพอเราทำงานตรงนั้นมาก่อน มันทำให้เรารู้ว่าเราจะขยับตัวอย่างไร ได้ยินว่าจะมีนิทรรศการใหญ่ที่หอศิลป์ใหม่เอี่ยมที่เชียงใหม่ จะมีโชว์ใหญ่ที่เชียงใหม่ช่วงสิ้นปี เป็นโชว์ในมิวเซียมและยาวหลายเดือน ซึ่งอันนั้นเล็งไว้ว่าจะทำเรื่อง 6 ตุลา เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เราไม่มีสิทธิได้เรียนน่ะ แล้วหลังๆ มันก็ถูกพูดขึ้นมาบ่อย ฉะนั้นถ้าเราจะมีระยะเวลาพักหลังจากงานนี้ไปจนถึงปลายปี มันก็จะมีเวลาให้เราได้ทำข้อมูล ได้ไตร่ตรอง ได้คิดออกมา แล้วผมว่ามันน่าสนุก คือเราวางคอนเซปต์ไว้ว่าถ้าต้องจินตนาการจัดงานวัดจริงๆ แต่เป็นงานวัดที่แม่งเสือกอยู่ในวัดที่ใกล้สนามหลวงในคืน 6 ตุลา จะเป็นอย่างไร ตอนนี้คิดเลยเถิดขึ้นไปถึงขั้นเป็นไปได้ไหมถ้าเราจะคุยกับคุณวินทร์ เลียววาริณ ผู้ที่ถนัดสุดในการเอาจินตนาการ input เข้ามาในเรื่อง แล้วผมต้องการทำงานวัดจริงๆ ที่มีคนมางานวัดได้ มีกิจกรรมมีนู่นนี่ให้เล่น ไม่ใช่เป็นแค่งานอาร์ต ตอนนี้ก็เริ่มมีหาเวลาหาข้อมูล แล้วโลเคชั่นมิวเซียมมันก็ดีไม่น่าเชื่อ คือมันองค์ประกอบหลายอย่างมันพอดีมาก เช่นออกมาจากหน้ามิวเซียมจะมันมีต้นไม้อยู่ต้นเดียวในลาน ซึ่งทันทีที่ผมเห็นนี่ ผมเห็นภาพคนถูกห้อยกำลังโดนเก้าอี้ฟาดขึ้นมาทันทีเลย
นิทรรศการ Casino Thailand โดย Headache Stencil จัดแสดงระหว่างวันที่ 8 – 31 มีนาคม 2019 ที่ WTF Gallery and Cafe ต้นซอยสุขุมวิท 51 (BTS ทองหล่อ) เข้าชมได้ระหว่างเวลา 15.00-20.00 ปิดทุกวันจันทร์ โทร. 02 662 6246
Comments