“สิ่งดีๆ ที่หายไป” “ความรักที่ซ่อนไว้” “The Last Song” “เก็บบคำว่ารัก” (จีน กศิดิษ) “รอ” (จีน กศิดิษ) ฯลฯ
ตั้งแต่ไหนแต่ไร บี Funky Wah Wah ไม่ใช่นักดนตรีที่เราจะเห็นหน้าเขาออกสื่อบ่อยๆ แม้จะมีเพลงฮิตของตัวเองและทำให้คนอื่นเป็นระยะเช่นเพลงในลิสต์ข้างต้น แต่เขาออกจะเก็บตัว มีความเป็นคนเบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้า และเพิ่งจะมามีคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของตัวเองครั้งแรกในชีวิตการทำเพลง 15 ปีก็ตอนนี้ ในวันที่ 5 กันยายายน ที่ Lido Connect
สัมภาษณ์ โดย ชีวิน กิตติ์ชรินดา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเล่นสด คนทำงานเพลงย่อมอยากแสดงสดอยู่แล้ว ตอนนี้การทำเพลงอิเล็คทรอนิกส์เป็นเรื่องธรรมดามากๆ แล้ว แต่ Funky Wah Wah เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2004 เป็นศิลปินที่สวนกระแสทำดนตรีสังเคราะห์ในช่วงเวลาที่การาจร็อคและวงร็อคกีตาร์นำกำลังครองโลก เรียกว่าเป็นเบอร์แรกๆ ของไทยที่มาทางอินเล็คทรอนิกส์ แต่ด้วยข้อจำกัดของอุปกรณ์ดนตรีแบบอิเล็คทรอนิกส์ บางทีต้องรอเวลาให้เทคโนโลยีพัฒนาจนสามารถเอาขึ้นไปบนเวทีได้ และบัดนี้ หลังจากรอมานานมาก ช่วงเวลานั้นของเขาได้มาถึงแล้ว!
“คือเรื่องของเรื่องที่หายไปก็เพราะตอนเล่นคอนเสิร์ตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราไม่สามารถพรีเซนต์ซาวด์ของตัวเองออกมาได้” บีเล่า “เมื่อ 10 กว่าปีก่อนโน้ตบุ๊คมันยังไม่สามารถจะยกไปเล่นที่ไหนได้เลย มันไม่สามารถทำเพลงเสร็จแล้วยกไปได้เลย จะไปเล่นที่ไหนทีก็ต้องยกคอมไป ซาวด์ก็เปิดไม่ได้ ต้องใช้กลองสด แล้วเพลงเรามันเป็นกลองไฟฟ้าหมดเลย ที่นี้พอมาตีกลองจริงก็เหมือนเรากำลังเล่นเพลงอะไรอยู่ว่ะ บอกเลยว่าไม่เวิร์ค ซาวด์มันก็ไม่เวิร์ค ตีสดมันก็เพี้ยน เราก็เลยรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงยุคของเรา แต่มาเมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีมันก้าวหน้าก็เลยกลับมา”
บี สราวุธ ชินนภาแสน เกิดในครอบครัวนักดนตรี มีคุณพ่อเป็นนักดนตรี และส่งเสริมให้ลูกชายเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กๆ แล้วต่อมาเขาก็เล่นดนตรีเป็นทั้งกลอง กีตาร์ คีย์บอร์ด แต่ความชอบดนตรีคลาสสิคและร็อค ผันมาเป็นดนตรีป๊อปและอิเล็คทรอนิกส์ ตอนที่ได้ดูหนังจากปี 1984 เรื่อง Electric Dreams --หนังที่เป็นเรื่องของคอมพิวเตอร์พัฒนาจนมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง “ มันเจ๋งมากเขาใช้คอมพิวเตอร์เล่นแทนเครื่องดนตรีต่างๆ ผมชอบมากเรื่องนั้นมากแม่งโคตร ฟังกี้วาวาเลย”
ไม่ใช่แค่ตัวบีที่รอวันขึ้นเวที ทางค่าย Spicy Disc ก็รอวันที่ Funky Wah Wah จะเล่นสดมานานแล้ว ทางค่ายจึงจัดเต็มทั้งภาพและเสียง ถือโอกาสเปิดตัว MV และหนังสั้นไปพร้อมกัน ส่วนศิลปินที่มาร้องในอัลบั้มล่าสุดนี้ก็มากันครบ ตัวคอนเสิร์ตออกแบบโดย Dudesweet และ Saturate โดยนำความพยายามล้ำอนาคตของตะกูลหนังไซไฟเกรดบีมาใช้เป็นคอนเซ็ปต์
ระหว่างทาง ตั้งแต่ปี 2007 พี่มีเพลงเยอะแค่ไหนครับ โห เยอะนะ ทำเพลงเยอะมากๆ ทำทิ้งทำขว้าง ขนาดปีที่แล้วตอนส่งอัลบั้ม After ไปแล้วก็ยังทำเพลงออกมาเรื่อยๆเรียกว่าหมกมุ่น ทำเหมือนกินข้าวเลย
เตรียมตัวเยอะไหมครับกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ หลังๆ นี้เริ่มเครียดเลย อย่างที่บอกว่าตอนแรกผมทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ แต่พอมาเริ่มกระบวนการโปรดัคชั่น ต้องมาถ่ายรูปมาถ่ายปก เราก็แบบ เฮ้อ ไม่ทำได้ป่าววะ แต่ทุกคนก็ทำเพื่อเรากันหมดแล้ว แล้วเมื่อวานตอนเปิดพรีออเดอร์ก็รู้สึกว่า เฮ้ย มีคนอยากดูเรา เขาจ่ายตังค์มาดูว่าเรามีอะไรบ้าง เขาคงไม่อยากมาดูเราเล่นพลาด เมื่อวานก็ซ้อมทั้งคืนเลย คือความคิดเราก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยนะ ตอนนี้มันต้องทำทุกอย่างเลย น้ำหนักก็ต้องคุม
ขั้นตอนของการทำอัลบั้มที่มีคนร้องให้เยอะๆ แบบนี้มีมันเป็นยังไงครับ เช่นทำเนตรีแล้วรู้สึกว่าเพลงนี้มันเรียกหาเสียงร้องผู้หญิงลักษณะนี้ หรือว่าเอานักร้องตั้งก่อนแล้วค่อยทำดนตรี มันก็มีเหมือนกับเราตั้งใจทำให้คนนี้ร้องเลย หรือทำขึ้นมาก่อนแล้วไปเจอคนที่เรารู้สึกว่าคุณเข้ามาในช่วงเวลาที่เรากำลังต้องการพอดีเราก็เลยให้เขาร้อง อย่างเดียร์แฟนผมเนี่ย เขาก็จะเป็นคนจดๆ จ้องๆ ว่าตอนนี้ผมกำลังทำเพลงไรอยู่ แล้วก็แอบฟังเพลงของผมอยู่บ่อยๆ พอเพลงไหนเขาชอบเขาก็จะ เฮ้ยๆๆ เพลงนี้กูจอง
การเป็นคอนเสิร์ตที่มีนักร้องมาร้องให้หลายคน การซ้อมกับแบบคนเยอะๆ แบบนี้ซ้อมกันยังไงครับ นี่ล่ะปัญหา แม่งโคตรยาก คือเราต้องซ้อมปึ้กๆ ของเราก่อน อย่างเมื่อวานผมไล่ส่ง backing track ให้กับศิลปินทุกคน ให้เขาไปซ้อม แต่ก็ไม่น่ากังวลเพราะทุกคนเขาโปรๆ กันหมดและ พี่เต้ง (Uncle T) นี่ซ้อมทุกวันเลย
เพลงที่ผมชอบที่สุดในอัลบั้ม Synthederellaคือ Happy Ending ทำไมพี่ถึงเอากีตาร์ โฟล์ค ลงมาในอัลบั้มครับ ก็นั่นแหละเป็นความตั้งใจของผม เพราะมันไม่ใช่กีตาร์โปร่ง ผมใช้คีย์บอร์ดตี ทุกอย่างในอัลบั้มเป็นซินธ์หมด เหมือนชื่ออัลบั้ม ส่วน ซินธ์เดอเรลล่า ก็เอาเรื่องมาผูกใส่เข้าไปให้มันมีเรื่องราวมากขึ้น ส่วนเพลงที่น้องชอบมันก็เป็นซินธ์ไม่ใช่โฟล์ค
โหพี่ เนียนกริปเลย จริงๆ เพลงนี้ทำไว้นานแล้วนะ เดียวนี้ เทคโนโลยีของเสียงมันก็หลอกหูเราได้แล้ว
การทำเพลงสังเคราะห์ในช่วงปี 2000 นี่ก็ประหลาดสำหรับตอนนั้นเหมือนกันนะครับ เพราะช่วงนั้นวงการเพลงมีแต่ซาวด์อินดี้ร็อค กีตาร์ กลองชูโรง ไม่ค่อยมีใครใช้ดนตรีสังเคราะห์เลย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะมันเล่นสดยากอย่างที่พี่บอก อย่างยุคนี้ก็มีวงแบบ bedroom music มาเยอะ ใช่ๆ ช่วงนั้น The Strokes แต่เดียวนี้ไม่มีลิมิตแล้วไม่มีผิดไม่มีถูกด้วยซ้ำไป
อัลบั้มนี้มันก้าวกระโดดจากอัลบั้ม Explore ปี 2007 อย่างไรบ้างครับ ก็คงเป็นเรื่องซาวด์ที่เปลี่ยน การทำอัลบั้มมาเรื่อยๆ พอเรารู้จุดไหนเราด้อยเราก็พยายามที่จะแก้ไขมัน อย่างชุด Expolore เรามีจุดเด่นเรื่องเมโลดี้แต่เนื้อหามันไม่ค่อยเวิร์ค เราก็เลยมาปรับปรุงในอัลบั้มนี้ ก็เหมือนได้เป็นการพัฒนาไปเรื่อยๆ
การปรับปรุงเนื้อหามันก็ยากเหมือนกันนะครับ มีวิธีการยังไงครับ เพิ่มวรรคฮิค ประโยคทองอย่างนี้เหรอ จริงๆ แล้วเราเคยทำแกรมมี่ เขาจะสอนประโยคทองอยู่แล้วนะ ว่าคอนเซ็ปต์นี้ประโยคจะออกมาแบบไหน แต่ผมว่าผมปรับปรุงเรื่องลายละเอียดมากกว่า คือบางทีในสมัยก่อนเรามีประโยคที่มันโดนแต่เราทำไม่ได้ทำให้มันเด่น แต่พอมาชุดนี้เราทำให้มันเด่นขึ้นได้
สุดท้าย คำถามคลาสสิคนะครับ ว่ามีอะไรฝากถึงแฟนเพลงมั้ยครับหลังจากหายไปเกือบ 10 ปี คำถามคลาสสสิคแบบนี้ ก็ต้องตอบแบบคลาสสิคสินะ ก็ขอบคุณที่ติดตามและยังคิดถึงผม แล้วผมก็ดีใจที่กลับมา ยังไงก็ฝากอัลบั้มนี้ไว้ด้วย ถ้าคุณชื้ออัลบั้มนี้เหมือนคุณชื้อใจของทีมงานทุกคนที่ตั้งใจทำและก็ยังเหมือนได้ชื้อความฝันของคนแก่คนหนึ่งที่กลับมาทำเพลง แล้วรับรองอัลบั้มนี้สุดๆ เต็มที่แล้ว
ปาร์ตี้และคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม หนังสั้นและมิวสิควิดีโอ
Funky Wah Wha "Synthderllea - เปิดปาร์ตี้นิยายเหงาเท่าจักรวาล" วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายนนี้ ที่ Lido Connect (BTS: สยาม) ดูรายละเอียดการเข้างานที่ facebook.com/fwwdiscography
Commenti