เมื่อโลกได้ก่อกำเนิดศิลปะแห่งการแสดง “ตั๋วเข้าชม” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้พร้อมๆกัน เพื่อใช้เป็นบัตรผ่านในการพาตัวเราเข้าไปชมมหรสพแขนงต่างๆ เป็นบัตรผ่านที่นำพาเราไปสู่อีกด้านของโลกศิลปะ
เรื่อง: ชัชวาล มั่นสัตย์รักสกุล ภาพประกอบ: ไตรภพ จิระวุฒิกุล @yalwaysg
จากกระดาษขนาดเหมาะมือที่บางคนดูเสร็จก็ขยำทิ้งลงถัง จนนำไปสู่บัตรแข็งพิมพ์อย่างดีเพื่อเป็นหลักฐานความทรงจำ “ตั๋วเข้าชม” ยังพัฒนาต่อไป จนปัจจุบันกลายร่างเป็นเพียงนามธรรมที่อยู่ในมือถือในรูป
แบบ QR Code ก็แล้วแต่ความสะดวกของการชม
แต่ไม่ว่าตั๋วใบนั้นจะมาในรูปแบบไหน สิ่งที่อยู่คู่กับตั๋วเสมือนเป็นแฝดน้องที่คลานตามกันมานั่นก็คือ “ตั๋วฟรี” และนี่คือสาระที่เราขอเสนอ
ตั๋วฟรี ในกาลก่อน มีศักดิ์ที่แตกต่างกับ ตั๋วซื้อ ราวกับลูกขุนนางกับลูกไพร่ สภาพของมันช่างดูอัปลักษณ์สัสๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกปั๊มด้วยตรายางเห่ยๆ ตัวโตๆ ไร้ซึ่งศิลปะใดๆ ด้วยคำว่า “Complimentary” หรือคำกระตุ้นเตือนที่ดูถูกคนถือบัตรว่า “Not For Sale” เพราะกลัวว่าจะเอาไปขายต่อ ตั๋วบางใบก็เป็นเพียงกระดาษคุณภาพถูกๆ ที่ทำให้เมื่อคุณเดินเข้าไปในงาน คุณจะรู้สึกตัวลีบตัวเล็กเพราะคุณต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เสียเงินเข้าไปดู ท่ามกลางสายตาดูถูกดูแคลนของสตาฟ คุณอาจจะทำเนียนด้วยการซื้อเสื้อทัวร์เพื่อให้เห็นว่าคุณแคร์กับโชว์ครั้งนี้ขนาดไหน แต่เมื่อสตาฟพาคุณเดินไปยังจุดยอดสุดที่อีกนิดเดียวจะถึงหลังคาอิมแพคอารีน่า เห็นศิลปินตัวเท่ามดลูกมด คุณก็ต้องยอมฝืนทนเพราะคำว่า “มันคือตั๋วฟรี” ซึ่งสมัยก่อนความขวยเขินมันก็ทำให้เราไม่รู้สึกภาคภูมิใจกับอีตั๋วฟรีใบนี้เลย นอกจากคำรำพึงรำพันกับตัวเองว่า “ใช่สิกูมันจน!”
ตั๋วฟรีส่วนใหญ่มันจะมีมาสองทาง ทางที่ 1 เส้นสายเพื่อนให้มา ทางที่ 2 เล่นเกมชิงรางวัล
ดังนั้นบัตรฟรีจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้มาหรอก ต้องมาโดนคนค่อนขอดว่า “อีนี่จน” ต้องโดนแซะว่า “ใช่สิ แต้มบุญมึงดี ได้รู้จักกับผู้จัด” จึงไม่แปลกใจที่เราจึงจำเป็นต้องปิดบังสถานะตัวเองไม่ให้รู้ว่ากูเป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่ให้ใครมาล้อถึงพ่อถึงแม่ว่า “อีพวกขี้ขอไม่มีตังค์ซื้อว๊ายยย กิ้วกิ้ว”
แต่ปัญหาเหล่านี้หมดไปแล้วในยุคปัจจุบัน ตั๋วฟรีหมายถึงอำนาจขั้นสุด หมายถึงอภิสิทธิ์ชนที่ปูลาดด้วยพรมอย่างดี มันไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องอับอายอีกต่อไป ตรงกันข้าม มันกลับสร้างความคูลให้คุณอย่างไม่น่าเชื่อ! ในกรณีนี้ผู้เขียนขอจำกัดวงไว้เพียงตั๋วคอนเสิร์ตเท่านั้น ไม่ขอนับถึงตั๋วฟรีอาบอบนวดหรือตั๋วฟรีเข้าชมเสือชีต้าร์ที่ไนท์ซาฟารีก็แล้วกัน
เพราะในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีความเสี่ยงมากๆ ที่ผู้จัดคอนเสิร์ตอาจพลาดจัดคอนเสิร์ตแล้วไม่มีคนมาดู จะไปขอสปอนเซอร์ในยุคเศรษฐกิจพังพินาศขนาดนี้ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับเราเป็นขอทาน
ดังนั้น วิธีการที่พอจะช่วยได้ในสื่อโซเชี่ยล ก็คือ “วอนผู้มีชื่อเสียงช่วยโปรโมทให้หน่อย” ด้วยวิธีง่ายแสนง่าย —เราให้บัตรฟรีเขา แลกกับการให้เขาถ่ายรูปอวดตั๋วตามช่องทางโซเชี่ยลที่มีผู้ติดตามเยอะ เราจึงได้เห็นเหล่าดาราทำหน้าสวยหล่อพร้อมกับบัตรคอนเสิร์ต พร้อมใส่แคปชั่นที่บอกรายละเอียดการขายบัตรชัดเจน บางคนก็ไม่ได้รู้จักศิลปินหรอก แต่แลกกับตั๋วฟรี โอเคช่วยก็ได้
คนอาจเห็นเยอะก็จริง คนรู้ว่า อ๋อ ไอ้วงนี้มาเล่นก็จริง แต่ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าการที่มีดารามาอวดตั๋วชวนดูคอนเสิร์ตมันช่วยกระตุ้นให้เราอยากดูตรงไหน คนพวกนี้ขึ้นไปบนเวทีรึก็ไม่ แต่ผู้จัดก็มักใช้เหล่าเซเล็บกลุ่มนี้เป็นคนเชิญ และเวลาขอก็ไม่ได้ขอแค่ใบสองใบ ในเมื่อมีอำนาจต่อรองขนาดนี้ ขอที 10 ใบ 20 ใบ ก็ไม่แน่ใจว่าจะชวนเพื่อนไปเลี้ยงรุ่นหรือไง แต่ผู้จัดก็จำยอมให้เพราะไม่มีเงินจะจ้างหรอก บัตรนี่แหละดีที่สุด
พอได้ปุ๊บก็จะมีออร่าความเท่คูลทันที และยิ่งเป็นคอนเสิร์ตที่มีการประกาศ Sold Out ก่อนแสดงจริงหลายเดือนหลายสัปดาห์ พวกตั๋วฟรีก็จะอวดกันไม่เกรงใจ คนที่ตื่นมากดเน็ตจนมือหงิก หรือคนที่ไปต่อแถวตั้งแต่เช้ามืด ยืนขาแข็งเป็นควยเพื่อมาเจอคำว่า Sold Out เวลาเปิดเจอคนอวดตั๋วฟรีและขึ้น แค็ปชั่นน่าหมั่นไส้ว่า “ว๊ายยยยได้ข่าวว่าตั๋วขายหมดแล้วหราาา แย่จังมีอยู่กับตัว 4 ใบ” แม่งยิ่งรู้สึกชวนคันตีน
มันไม่เลวร้ายเท่ากับพอไปถึงวันงาน เราจะพบอีเซเล็บพวกนี้ทำหน้าหล่อสวยยืนออหน้าที่แบ็คดร็อปหน้างานเพื่อรอให้มาถ่ายรูปและยืนแฮงก์ชิลๆ กับ ‘คนระดับเดียวกัน’ วงเปิดเล่นก็ไม่ยอมเข้า อ่ะ ไม่ว่ากัน แต่เอ้า! ศิลปินหลักเข้าแล้วทำไมมึงไม่ไปดู เล่นไปครึ่งโชว์ก็พบว่าแม่งมาแค่โชว์ตัวจริงๆ ซักพักก็กลับ
หรือบางคนถ้าเข้าไปดูแม่งก็แทบหันหลังให้เวที ไม่เซลฟี่ก็คุยกลบเสียงคอนเสิร์ตจนอยากส่งชื่อพ่อแม่มันให้นักร้องด่าออกไมค์ และเจ็บใจก็คือ คนพวกนี้ไม่รู้สึกผิดอะไรด้วย เพราะถูกอวยโดยผู้จัดกับสปอนเซอร์ แถมบัตรที่นั่งยังได้ในโซนที่ดีเลิศ จนเราที่เสียตังค์ซื้อต้องรู้สึกละอายและรู้สึกตัวเองโง่จัง ที่เงินที่อุตส่าห์หามาอย่างยากลำบากเพื่อซื้อให้กับศิลปินที่รัก กลับมีค่าน้อยกว่าไอ้พวกเซเล็บแต้มบุญเยอะพวกนี้ และสุดท้ายเราก็ได้เห็นภาพคนเท่ๆ คูลๆ เหล่านี้ในโลกโซเชี่ยล ด้วยสัดส่วนที่ใหญ่กว่าภาพบรรยากาศคอนเสิร์ต ผู้จัดก็ได้หน้าว่าพาคนกลุ่มนี้มาดูได้ แต่คนดูแม่งรู้สึกอยากเอาตีนลูบหน้าคนพวกนี้มากกว่า
เหล่านี้คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาในนามตั๋วฟรี ที่นับวันจะยิ่งแสดงอภิสิทธิ์ให้เราได้เห็นเยอะขึ้น เยอะขึ้น จนกลายเป็นว่า เราเองชักไม่อยากเสียตังค์เพื่อเสพย์ความบันเทิงเหล่านี้แล้ว
ได้ตั๋วฟรีมาก็ดี ยินดีด้วย แต่คนที่ได้ตั๋วฟรี มักจะเป็นคนที่มีเงินซื้อได้สบายๆ ถ้ามึงจะหวังแต่ดูฟรี ไม่คิดจะลงทุนจ่ายบ้าง ผู้จัดแม่งก็เหนื่อยตายห่า แล้วมึงก็ชอบมาบ่นๆว่า “ทำไมตั๋วแพง” มึงก็ลองเอาเงินของมึงจ่ายบ้าง ถ้าวันไหนเขาไม่ขาดทุน คนยอมซื้อตั๋วเพื่อให้มีเงินหมุนเวียน สปอนเซอร์เห็นคนมากันอุ่นหนาฝาคั่ง ก็คงเพิ่มเงินสนับสนุนขึ้นเรื่อยๆ
หรือถ้าได้ตั๋วฟรีมา พี่ก็ช่วยแปรค่าตั๋วฟรีเป็นค่าช่วยโปรโมท ช่วยทำให้มันมากกว่ากระดาษคูลๆ ที่มึงถือไว้อวดความอภิสิทธิ์ชนบ้างก็จะดีไม่ใช่น้อยนะจ๊ะ
Komentarze