A Fox Princess Kitchen ★★★★1/2
เป็นเวลาเกือบสับดาห์แล้วที่ฝนตก ตกแบบไม่มีอะไรจะหยุดได้ — เสียงแม่สิตางศุ์
แต่ฝนเองก็ไม่สามารถหยุดเราเช่นกัน ทันทีที่รู้ว่า It's "Happened to be" a Closet เปิดร้านอาหารสาขาที่ 7 ชื่อ ‘A Fox Princess Kitchen’ ตรงท่าเตียนก็ต้องรีบไปเยือน ถึงไกลบ้านแค่ไหนก็จะไป ซึ่งนับเป็นบุญที่เดี๋ยวนี้สามารถนั่ง MRT จากห้าแยกลาดพร้าว มาลงที่สถานีสนามไชย โผล่มาเจอมิวเซียมสยาม แล้วเดินถึงร้านได้ใน 4 นาที กรุงเทพฯ ชีวิตดีๆ ที่ลงตัวไหมล่ะ
เราเดินผ่านร้าน A Pink Rabbit + Bob ซึ่งก็เป็นร้านเค้กในเครือที่อยู่มาก่อนบนถนนเส้นนี้แล้วพักใหญ่ พอเลี้ยวเข้าซอยที่หมายก็เจอป้ายไฟสว่างจ้า มีคำว่า ‘GOOD PASTA!’ เตะเข้าเต็มตา ก็คิดก่อนแล้วว่า เออ พาสต้าเขาต้องเด็ดแหละ สั่งแน่นอน แต่รอ Lili Tae กับ Tuna Dunn สอง illustrator มาสั่งพร้อมกันดีกว่า
ภาพสเกตช์บรรยากาศร้านโดย ลิลี่—ภิญญ์ฑิตา เตชะมงคลาภิวัฒน์ @lili.tae
เรายืนเก้ๆ กังๆ พยายามเปิดประตู คิดว่ามันล็อกหรือยังไง สุดท้ายก็มีคนข้างในดันประตูออกมา ปรากฏว่าเป็น พี่แจะ—ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล ดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ “ประตูเปิดยากหน่อยนะ”
จากนั้นพี่เขาก็พาขึ้นไปเลือกที่นั่ง ร้านทั้งหมดมี 4 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นโต๊ะเล็กๆ ที่ตั้งใจจัดไว้ให้คนมากินขนม สั่งดริงค์ไวๆ แล้วกลับ ชั้น 2-3 มีโต๊ะไซส์กลางมีไฟส่องกลางหัว เพราะคิดไว้แล้วว่าถ้ามาเป็นกลุ่มก็น่าจะถ่ายรูปกันได้สวยๆ ไม่มีใครตกไฟ กับโต๊ะเล็กสองที่นั่งเป็นไฟดิม เพราะคนมาเดตก็คงอยากได้บรรยากาศที่เหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคน ส่วนชั้น 4 สำหรับ 10 คนขึ้นไป จัด private party ได้สบายๆ แต่ที่น่าจะมีเหมือนกันทุกโต๊ะคือจานรองแก้วเปนรูปจิ้งจอกสาวสุดคิ้วท์
พอดีว่าไปถึงก่อนเวลาเลยได้คุยกับพี่แจะนิดหน่อย คุยไปสักพักพี่แจะก็ถาม
“นี่เสื้อของอะไรคะ”
“Palette ค่ะ” เราตอบ
“รู้ใช่ไหมว่า Palette ก็ของ It's Happened to be a Closet" อันที่จริงก็ตั้งใจใส่มาเพราะคิดว่าเดรสเขียวลายพร้อยตัวนี้น่าจะเข้ากับร้าน แล้วมันก็เข้ากันจริงๆ “ตอนนี้มี Sale 70% ที่ Central Village ที่สุวรรณภูมินะ” อะ รู้งี้แล้วก็ตามไปช็อปนะ
ร้านนี้ดู boyish กว่าสาขาอื่นเพราะตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่า พี่แจะเรียก 'บอยกะเทย' คือดูดิบ แต่ก็มีการตกแต่งด้วยลวดลายอ่อนช้อย ไม่ให้โครงสร้างอาคารเก่าดูแข็งเกินไป
จนเวลาผ่านไปชั่วโมงนึง ลี่กับตุลก็ยังไม่มาเพราะฝนตกรถติด ฉันก็เลยสั่ง Gin & Tonic (360 บาท) มาจิบรอพลางเปิดดูเมนู Italian Classic ของเขา สาขาอื่นก็มี แต่ portion เล็กลง เป็น ‘Princess’ Size’ เผื่อว่าอยากสั่งมาลองหลายๆ อย่าง เพราะเมนูเยอะมาก มี 64 หน้า!!! ทั้งพิซซ่า สลัด ของว่าง ซุป พาสต้า สเต็ก แล้วยังมีไอศกรีม เค้ก All Day Breakfast อีก! เครื่องดื่มก็ ชา กาแฟ โซดา สมูธตี้ เบียร์ ไวน์ เหล้าต่างๆ แล้วก็ Classic Cocktails ละลานตา เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ แต่สุดท้ายก็ทนหิวไม่ไหวจิ้ม Spider Quinoa Salad (290 บาท) มารองท้อง ดูน่ากินเพราะเป็นรูปโดดๆ อยู่หน้าเดียว
แต่ไม่นานนักลี่กับตุลก็มาถึง และสั่งดริงค์เป็น Papa Doble (360 บาท) ค็อกเทลรัมเปรี้ยวหวาน และ Princess Yuzu Soda (195 บาท) หอมสดชื่น จากนั้นเขาก็เอาขนมปังมาเสิร์ฟ แต่ละคนได้ขนมปังไม่เหมือนกัน เราได้ Melba Bread ฟีลเหมือนขนมปังที่ใช้ทำ Honey Toast ทาเนยกรอบนอกนุ่มใน กับ Black Ink Walnut ที่หอมมัน เสิร์ฟมาเป็น cube ไซส์กำลังน่ารัก แล้วสลัดคีนัวที่สั่งไปทีแรกก็ตามมา พวกเรารีบจ้วงด้วยความหิว แต่ก็ต้องเซอร์ไพรส์กับสารพัดสิ่งในจาน มีทั้งคีนัว ผักโขม สะระแหน่ sweet basil อัลมอนด์ chick pea หัวหอม องุ่น รสเปรี้ยวหอมสดชื่น ตุลบอกว่าเป็น summer salad ดีๆ นี่เอง
ทีแรกเราคิดว่าลี่กับตุลเป็นเพื่อนกันช่วงมหาลัยเพราะทำงานสายวาดเหมือนกัน แต่อันที่จริงเขารู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถมที่เซนต์โยฯ ความที่เป็นเด็กแคทอลิกเหมือนกัน และเป็นเด็กส่วนน้อยของโรงเรียน (งงมะ โรงเรียนคริสต์แต่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นพุทธ (พอเด็กส่วนใหญ่เรียนวิชาจริยธรรม ลี่กับตุลก็เลยต้องแยกไปเรียนไบเบิลกันกลุ่มเล็กๆ ก็เลยสนิทกัน
“ตอนนั้นเปิด Pride and Prejudice ดูกันที่โรงเรียน โคตรโรงเรียนหญิงล้วนเลย แล้วทุกคนกรี๊ด Mr. Darcy กับ Mr. Bingley มาก แต่ตอนนี้ Mr. Darcy กลายเป็นลุงผมน้อยไปแล้ว” ตุลบอก พร้อมเปิดรูปปัจจุบันของ Matthew Macfadyen ให้ดู พวกเราถึงกับนั่งซึม... กินข้าวดีกว่า
จานอื่นๆ ที่ลี่กับตุลสั่งก็ทยอยมาลง มีทั้ง Pesto Pasta (290 บาท) ที่นี่เขาใส่กุ้งทอด เบคอน แล้วก็อัลมอนสไลซ์ หอมเบซิล รสกลมกล่อม อีกจานคือ Spaghetti Pink Cream Sauce with smoked salmon (220 บาท) หอมแซลมอนรมควันมาก แต่รสชาติซอสที่ homie creamy หวานตัดเปรี้ยว ทำให้นึกถึงผัดมักกะโรนีที่เคยกินตอนเด็กๆ
อีกจานที่พีคคือ Shishamo with Parsley oil & garlic (220 บาท) ปลาไข่ทอดเกรียมกำลังดี 6 ตัว ปกติเราไม่ชอบกินปลาไข่ แต่อันนี้อร่อยมาก เพราะเขาปรุงไม่เหมือนที่ไหน พี่แจะเล่าว่าไม่อยากให้เมนูที่นี่เป็นฟิวชัน อยากให้คงความ homie ไม่วิทยาศาสตร์ การปรุงเมนูนี้เลยใช้แนวคิดแบบให้เชฟจินตนาการว่าตัวเองเป็นอิตาเลียนเชฟที่ไปเที่ยวตลาดปลาญี่ปุ่น และเลือกวัตถุดิบท้องถิ่นของเขามาปรุงในแบบตัวเอง ซึ่งรสชาติก็เป็นไปอย่างที่พี่แจะอธิบายจริงๆ กับความละมุน ไม่กระด้าง กลมกล่อม กินแล้วรู้สึกอิ่มใจ
แต่อีกสิ่งที่สังเกตเห็นในเมนูของทุกร้านในเครือคือจะมี ‘น้ำส้มคั้นสด’ เป็นเมนูตามฤดูกาลที่พี่แจะบอกว่าต้องต่อสู้กับลูกค้าและพนักงานมาก แกสั่งส้มมาจากฝางเป็นร้อยโล ล้างเช็ดเก็บเข้าตู้เย็น แล้วเวลาจะเสิร์ฟคือต้องคั้นสดทุกแก้ว ถึงจะทำช้าก็ต้องรอ ห้ามทำเผื่อไว้เดี๋ยวไม่ได้วิตามิน และห้ามใส่เกลือหรือน้ำเชื่อมเป็นอันขาด เราจำได้ว่าที่สาขาซอยสุขุมวิท 23 สดชื่นมาก ที่นี่เองก็ไม่ต่างกัน เชื่อได้เลยว่าเขาใส่ใจคุณภาพอาหาร แบบที่พี่แจะพูดไว้ว่า ‘การทำร้านอาหาร อย่างเดียวเลยคือต้องอร่อย’ จบการรีวิว
ระหว่างที่กินเราก็ฟังเพลย์ลิสต์เพลินมาก รวมเพลงโปรดชาวอินดี้ Blur, Travis, The Strokes, King Krule, FKA Twigs, Tame Impala, Kindness, Rhye ไม่ขัดใจแน่นอน แล้วลี่ก็พูดถึง Joji ขึ้นมา บอกว่าชอบมาก ไม่ใช่ที่เขามี alter ego เป็น Pink Guy หรือ Filthy Frank แต่เพราะอายุเท่ากัน โตขึ้นมาเสพอะไรเหมือนๆ กัน คิดคล้ายกัน
“เขาเคยไปออกรายการกับ Post Malone แล้วพูดเรื่องโลกแตก แล้วโพสตี้บอกว่าเขามีแมนชันไว้เผื่อโลกแตก ส่วนโจจิเก็บเมล็ดพืชไว้ ถ้าโลกแตกจะได้เอาไปปลูก ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราคิดเหมือนกัน”
ลี่บอกอีกว่าตัวเองชอบทฤษฎีสมคบคิด (conspiracy) อย่างเช่น ‘จริงๆ แล้วเอเลี่ยนคือนาซี’
“มันมีคนที่มี theory นี้ขึ้นมา ว่า คนที่ไปอวกาศคนแรก ไม่ใช่ยูริ กาการิน แต่ย้อนไปถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝั่งนาซีจะมีพวกเนิร์ดชาวอารยัน แล้วบอกว่า ancient aliens เคยไปแถวนั้น ทำให้คนเยอรมันได้เทคโนโลยีมาจากเอเลี่ยน แล้วก็บอกว่านาซีส่งทหารไปนอกโลกเพื่อสะสมกำลังบนดวงจันทร์เพื่อกลับมาโจมตีโลกอีกที
อีกทฤษฎีนึงคือจริงๆ แล้วโลกกลวง แต่ตรงกลางของโลกเป็นทหารนาซี การที่ alien abduct คน จริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่เป็นนาซีที่เอาตัวไป นั่นคือเหตุผลที่อเมริกันซ่อนความลับเรื่องเอเลี่ยนไว้”
“ดูเป็นความคิดของคนที่ high ปุ๊นอีกแล้วอะ” ตุลบอก
“การฟัง conspiracy theory นี่ต้องฟังเอาฮา draw attention ไว้ก่อน เหตุผลค่อยว่ากัน” ลี่เสริม ทุกคนเห็นด้วยแล้วก็จิ้มปลาไข่กินกันต่อ
ผลคะแนน A fox princess Kitchen
ห้องน้ำ 10/10
เพลง 10/10
การแต่งตัวของผู้คน 9/10
ความเร็วของ order 7/10
ความคล่องแคล่วของพนักงาน 8/10
โอกาสได้ผู้ชาย 7/10 (ส่วนใหญ่มากันเป็นกลุ่ม ไม่ก็มากับแฟนอยู่แล้ว)
สรุป (เต็ม 5) อิ๊ก: ★★★★ ลี่: ★★★★ ตุล: ★★★★
รวม ★★★★1/2
A Fox Princess Kitchen
83 ซอยท่าเตียน ถนนมหาราช
โทร. 062 660 5558
เปิด 10.00 - 22.00 น.
ปิดวันอังคาร
ไม่มีที่จอดรถ
MRT ใกล้สุด: สนามไชย Exit 1 (เดิน 4 นาที)
ร้านรับเงินสด บัตรเครดิต และเดบิต
Instagram: @afoxprincesskitchen
Comments