ศิลปะการลัดคิวในชีวิตประจำวัน

โดย จีรพัฒน์ ยอดนิล บทความนี้สนับสนุนโดย Converse

---

การแต่งตัวเป็นช่วงเวลาที่ส่วนตัวที่สุดแบบหนึ่ง เพราะเป็นกิจกรรมทำคนเดียวในที่ลับตาคน และโดยไม่รู้ตัว มันคือกิจกรรมแรกของวัน ที่คุณต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ แม้คุณจะแค่คว้าเสื้อยืดตัวเดิม มาใส่กับกางเกงตัวเก่งเป็นครั้งที่สองร้อย แต่การแต่งการคือการสื่อสารความเป็นตัวคุณเสมอ สื่อสารตั้งแต่วันที่คุณเลือกซื้อเสื้อตัวนั้น

โดยทั่วไป คิวการแต่งตัว (หลังจากชุดชั้นในแล้ว) จะเป็นแบบนี้ ลำดับ 1 — เริ่มที่ท่อนบน จะเป็นเสื้อหรือเดรสก็แล้วแต่ ลำดับ 2 — หาอะไรมาใส่กับท่อนบน ลำดับ 3 — เลือกรองเท้า

แต่วันนี้คอนเวิร์สเขาบอกว่า “Start from the Bottom!” ให้รองเท้าเป็นพระเอกบ้าง  เพราะถ้าลองเขย่าลำดับการคิดในชีวิตประจำวัน ว่าวันนี้จะใส่อะไรให้เข้ากับรองเท้าได้บ้าง ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจต่างกันไป หรือได้ความครึ้มใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อนออกจากบ้าน ว่าเพิ่งขบถความคิดตัวเองแบบไม่มีใครรู้ และบางที…เสื้อตัวนั้น ที่คุณยัดลืมไว้ในมุมมืดลึกลับในตู้เสื้อผ้า อาจได้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง

บดินทร์ อภิมาน ดีไซเนอร์ No Service

คำถามแรก คุณคิดว่าไอเดียการเริ่มต้นแต่งตัวโดยคิดจากรองเท้าก่อน จะให้ผลลัพธ์แต่งไปอย่างไร No Service: รองท้าเป็นเหมือนเข็มทิศชีวิต ถ้าตั้งเข็มถูก ที่เหลือก็สบาย นอกจากสไตล์แล้วการใช้งานยังเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของวันนั้นๆ ว่าเราเริ่มต้นได้ถูกต้องมั้ย

Eric Tobua: ก็ได้นำเสนอมุมมองในการเรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังของการแต่งตัวขึ้นใหม่ จากเดิมที่เสื้อผ้ามักได้รับบทเป็นนักแสดงนำในการแต่งตัวอยู่เสมอ ก็เลือกชิ้นที่เคยเป็นเพียงส่วนเสริมหรือบทสมทบของเสื้อผ้า ให้กลายเป็นโจทย์เริ่มต้นของการแต่งกาย แนวคิดนี้คือโอกาสที่ทำให้เกิดลุคหรือไสตล์ใหม่ๆ ที่ถ้าแต่งตัวในลำดับหรือวิธีปกติแล้วอาจไม่สามารถค้นพบได้

Takara Wong: หากเป็นคนที่มี passion ต่อ sneakers หรือรองเท้าประเภทใดก็ตามอยู่แล้ว การแต่งตัวที่เริ่มจากกรองเท้าก่อนจะสร้างลุคใหม่ๆ ที่เกิดจากการใส่ใจรายละเอียดของลุควันนั้นได้ดีกว่าเดิม เพราะปกติที่ทุกคนแต่งตัวโดยเริ่มจาก head ก็จะใส่รองเท้าอะไรก็ได้เพื่อให้ออกไปข้างนอกได้เลย แต่พอมามองว่าจะใส่อะไรให้ดีที่สุดเพื่อให้เข้ากับรองเท้าแล้ว เหมือนต้องใส่ใจรายละเอียดมากขึ้น และก็จะได้ลุคใหม่ๆ มากกว่าเดิมด้วย

Sretsis: เราว่ามันไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดหรือไม่มีใครเคยทำ เพราะบางทีเราก็ทำแบบนั้นอยู่แล้วเหมือนกัน ด้วยความที่เราเป็นคนชอบรองเท้าด้วย ในบางครั้งรองเท้าก็เป็นสิ่งที่สามารถ set attitude ในการแต่งตัวได้ จริงๆ ถ้าเรารู้ว่าจะใส่รองเท้าคู่ไหนก่อนก็อาจจะช่วยให้สามารถแต่งตัวได้เร็วขึ้น

ปฏิพัทธ์ ชัยภักดี ดีไซเนอร์ Dry Clean Only

อะไรคือสิ่งสำคัญที่คุณนึกถึงตลอด เวลาจะดีไซน์งานชิ้นหนึ่งออกมา? Dry Clean Only: ต้องสวยและมีคนใส่

No Service: ‘ทำแล้วตื่นเต้นไหม’ สำคัญกับเรามาก แต่ในส่วนของ No Service นอกจากจะตื่นเต้นแล้วยังต้องท้าทายตัวเองด้วยกรอบที่ตัวเองสร้างขึ้นด้วย ในที่นี้คือการที่เราใช้ของมือสองเพื่อลดการผลิตใหม่

Sretsis: นึกถึงการทำให้ผู้หญิงมีความสุขและเพิ่มความั่นใจให้ผู้หญิง และนึกถึงสถานที่กับวาระโอกาสที่เขาจะได้ใส่สำหรับชุดๆ นั้น เวลาจะออกแบบคอลเล็คชั่นหรือชุดๆ นึงออกมาเราก็จะคิดก่อนว่าสถานที่ของมันอยู่ที่ไหน กลุ่มคนแบบไหนที่จะใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ที่สำคัญคืออยากให้คนที่เขาสวมใส่ได้รู้สึกถึงแฟนตาซีที่ Sretsis นำมาให้ในวันธรรมดาหรือวันพิเศษของเขา

Takara Wong: ‘ความเป็นตัวของตัวเอง’ เพราะหากงานนั้นมองไม่เห็นถึงตัวตนก็จะไม่สามารถเรียกว่าเป็นงานของตัวเองได้ เราให้ความสนใจกับสิ่งนี้มาก ทั้งตัวเราเองและคนอื่นมองงานแล้วต้องนึกถึงเราได้ทันที นี่คือความสำเร็จของดีไซเนอร์ และอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘คุณภาพ’ และ ‘รายละเอียด’

Eric Tobua: สิ่งรอบตัวจากชีวิตประจำวันและประสบการณ์ต่างๆ ในชีวิต ในแง่มุมที่เข้ามากระทบสัมผัสต่างๆ รวมถึงอารมณ์แล้วตีความสิ่งเหล่านั้นออกมาในชิ้นงาน ซึ่งต้องดูความเหมาะสมต่อผู้สวมใส่สลับกันไป

เอลิค โตบัว ดีไซเนอร์ Eric Tobua

ฐกร วรรณวงษ์ ดีไซเนอร์ Takara Wong

ถ้ารองเท้า Converse Chucks เป็นคนๆ หนึ่ง คุณคิดว่าเขาหรือเธอคนนั้นจะเป็นคนที่เติบโตมาอย่างไร

Sretsis: คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ดูดีโดยธรรมชาติ ไม่ต้องพยายามไม่ต้องทำอะไรมากก็ดูดีเป็นธรรมชาติของเขา เพราะสำหรับเรา Chucks เป็นอะไรที่คลาสสิคมากๆ ใส่ได้ทุกเจเนอเรชั่น ใส่ได้ทุกเพศทุกวัย อย่างถ้าเป็น Rock Star ใส่แล้วก็จะดูเท่ในแบบนึง ถ้าเป็นผู้หญิงใส่กับชุดที่ดูปาร์ตี้หน่อยก็จะเท่ในอีกแบบนึง มันเป็นรองเท้าที่ไม่ต้องประดิษฐ์อะ ถ้าเป็นคนเราจะนึกถึง Alexa Chung เป็นผู้หญิงสวยธรรมชาติ ใส่กางเกงยีนกับเสื้อยืดก็สวย จะใส่เดรสก็สวย จะแต่งบอยๆ ก็ได้ เหมือนกับ Chucks ที่สามารถใส่กับชุดได้หลากหลายรูปแบบ

Takara Wong: เป็นคนดีไซน์ชีวิตของเขาเองหรือไม่ก็จะไม่ดีไซน์อะไรเลย ปล่อยให้ชีวิตเป็นอิสระไปในทางของมัน และจะไม่มีทางที่โชคชะตาหรืออะไรก็ตามจะเข้ามาทำลายความอิสระในการใช้ชีวิตของเขาได้

Dry Clean Only: เป็นคนที่ไม่มีกรอบ เพราะ Chucks เป็นรองเท้าที่ใครใส่ก็ได้ จะคนรวย คนจน เป็นใครก็ได้บนโลกใบนี้ Chucks มันเหมาะกับทุกคนบนโลกใบนี้

No Service: น่าจะเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย มีเพื่อนหลากหลายแต่เป็นตัวของตัวเอง

พิมพ์ดาว สุขะหุต ดีไซเนอร์ Sretsis